โจรสลัดแห่งสยาม....วีรกรรมลูกเจ้าพระยา ที่ไม่ยอมให้ใครย่ำยีเลือดสีเดียวกัน

[Unknown]

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1263577010&grpid=&catid=



แม่น้ำเจ้าพระยา


วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 00:35:44 น.
มติชนออนไลน์


โจรสลัดแห่งสยาม....วีรกรรมลูกเจ้าพระยา ที่ไม่ยอมให้ใครย่ำยีเลือดสีเดียวกัน

เมื่อครั้นลูกหลานชาวสยามถูกลักพาตัวไปขายยังชาวต่างชาติ มีหรือเด็กหนุ่มเลือดเจ้าพระยาจะนิ่งเฉย
ออกตัวปกป้องพี่น้องชาติเดียวกัน แม้ไร้อาวุธกำลังพล...
...
ย้อนอดีตกลับไปต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 3 เป็นยุคที่มีความรุ่งเรืองด้านการค้ากับต่างประเทศ
มีสำเภาและเรือสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก ขณะที่วิถีชีวิตและการคมนาคมของผู้คน
ในชุมชนยังผูกพันกับสายน้ำ พร้อมๆ กับอิทธิพลชาติตะวันตกเริ่มคืบคลานเข้ามาผ่านการค้าขาย
แต่ขณะเดียวกัน ก็มีพ่อค้าบางกลุ่มดำเนินธุรกิจแฝง นั่นคือการ “ค้าทาส”
โดยลักลอบจับตัวเด็กๆ ชาวสยามซุกซ่อนไว้ในเรือสินค้าเพื่อนำไปขายต่อ...
...
“โจรสลัดแห่งสยาม” นวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องเยี่ยมถ่ายทอดโดย “สมโพธิ” เป็นชื่อเดิมของสมโภชน์ วีระกุล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ มีความสนใจเรื่องประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการค้นคว้าหาข้อมูล
เพื่อใช้ในการเขียนงานหนังสือซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่รัก

เรื่องราวของโจรสลัดแห่งสยามเริ่มต้นขึ้นเมื่อแก่น ทอง และแสน เด็กหนุ่มบางคลองสาน บังเอิญเข้าไปรู้เห็น
เบาะแสของกลุ่มโจรลักพาตัว ด้วยความกล้าหาญ เสียสละ และเลือดรักพี่น้องชาติสยามเข้มข้น
ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสามและชาวหมู่บ้านคลองสานช่วยกันต่อสู้ชิงกับโจรร้ายด้วย วิธีการต่างๆ เพื่อช่วงชิงเด็กสยาม
ที่ถูกลักพาตัวอยู่หลายครั้ง แม้บางคนต้องสละชีวิตก็ตาม แต่ก็ไม่ยอมทิ้งเลือดเนื้อคนสยามชาติเดียวกัน
จนเรื่องราวความกล้าหาญของโจรสลัดแห่งสยามเป็นที่เลื่องลือไปทั่วคุ้งน้ำ เจ้าพระยา

วีรกรรมของเด็กหนุ่มบางคลองสานยังสะท้อนให้เราเห็นมิตรภาพ ความรัก ความผูกพันของเพื่อน
พร้อมพลังยิ่งใหญ่แห่งความกล้าหาญในวัยเยาว์ ที่มิหวั่นเกรงต่อศัตรูแต่อย่างใด ทั้งยังสอดแทรก
บรรยากาศการดำเนินชีวิตด้วยวิถีชนบทของชุมชนยุคสมัยต้นรัตนโกสินทร์ได้อย่างละเมียดละไม
นอกจากนี้ความเข้มข้นของเนื้อเรื่องยังผสมผสานความอ่อนหวานของบทกวีโดยมีตัว เอกของเรื่องเป็นผู้ขับขาน

หากเรื่องราวความกล้าหาญของเด็กหนุ่มบางคลองสานคือบทหนึ่งของชีวิตทรงคุณค่า
แม้ต้องสละชีพแต่ใช่จะยอมสละความรักพี่น้องร่วมสีเลือดชาติเดียวกันได้
และคงไม่แปลกอะไรหากเรื่องเล่าบทบันทึกที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้จะยังคงอิ่ม
เอิบอยู่ในใจผู้อ่าน ทว่ายิ่งใหญ่ยากหาสิ่งใดเปรียบก็เป็นได้

จะเล่นอะไรหรือ? ถ้าคนในบอร์ดนี้เป็นอะไรไปมันคือ จุดจบ

[Unknown]

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/culture/20100115/95176/%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95.html

วันที่ 15 มกราคม 2553 01:00

เยี่ยมย่านคลองสาน เมืองเก่ามีชีวิต

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์






ศูนย์ภูมิภาคว่า ด้วยโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ (สปาฟา) ร่วมกับชมรมสยามทัศน์
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย และสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย

มหาวิทยาลัยมหิดล จัดกิจกรรม 'เดินหน เยือนชุมชน ยลศาสนสถาน ย่านธนบุรีศรีมหาสมุทร'
สัมผัส 3 เส้นทางประวัติศาสตร์และวิถีความเชื่อของผู้คนหลากชาติพันธุ์

เส้นทางแรก 'ชมชุมชนสามวัฒนธรรมริมฝั่งเจ้าพระยา' ผ่าน'โบสถ์ซางตาครู้ส' ซึ่งตั้งขึ้นภายหลังจากที่
พระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชและสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พระองค์ได้พระราชทานที่ดินแปลงหนึ่ง
ให้กับบาทหลวงกอร์ชาวฝรั่งเศสเพื่อใช้ สำหรับสร้างโบสถ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2312 แวะชม 'กุฎีจีน' 'ศาลเจ้าเกียนอันเกง'
ที่สร้างขึ้นโดยคนจีนที่ตามเสด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ ปากคลองบางหลวง หรือคลองบางกอกใหญ่
ทางฝั่งตะวันออก เมื่อคราวที่พระองค์ทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานี และ 'วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร'

เส้นทางที่สอง 'เยือนถิ่นฐานบ้านขุนนางสกุลบุนนาค' ชม 'วัดพิชัยญาติการามวรวิหาร' 'วัดอนงคารามวรวิหาร'
'มัสยิดตึกแดง' และ 'ศาลเจ้ากวนอู' เชิงสะพานพุทธ ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าน่าจะมีการสร้างขึ้นในสมัยปลายอยุธยา
และสมเด็จพระเจ้าตากสินได้เคยเสด็จมาสักการะยังศาลแห่งนี้ก่อนที่จะทำการออกศึก

และ เส้นทางที่สาม 'คลองสาน : ฟื้นความหลังบ้านเจ้าสัว ย่านการค้า สืบที่มาหลังคาแดง' ชม 'ป้องปัจจามิตร'
ป้อมปราการสำคัญที่ใช้ป้องกันข้าศึกตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านตะวันตกริมปากคลองสาน
ปัจจุบันอยู่บริเวณบ้านพักข้าราชการกรมเจ้าท่า สำนักงานเขตคลองสาน 'วัดทองนพคุณ' 'มูลนิธิบุญสมาคม' (ศาลเจ้าจี้กง)
และพิพิธภัณฑ์โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา

กิจกรรม 'เดินหน เยือนชุมชน ยลศาสนสถาน ย่านธนบุรีศรีมหาสมุทร'
จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2553 ผู้สนใจเลือก 1 ใน 3 เส้นทาง
ค่าใช้จ่าย 400 บาท พร้อมอาหารกลางวันและอาหารว่าง
ระหว่างการเดินมีการบรรยายโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ และร่วมกิจกรรมจัดทำ
Cultural Map สนใจติดต่อคุณนวรัตน์ โทร.0-2280-4022 ถึง 9 ต่อ 111, 112 และ 104

[Unknown]

[att]

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พี่ แต่อยู่ที่เธอกับ เสธฯ

[att]

http://www.komchadluek.net/detail/20100119/45181/%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87.html
คมชัดลึก :พระเอก
ลิเกดัง"ไชยา มิตรชัย"งานเข้า ถูกสาวหาดใหญ่แฟนลิเก
แจ้งความดำเนินคดีฐานหลอกลวง หลังข่าวลือเป็นแฟนกับผู้แจ้ง
จนเพื่อนล้อเกิดความอับอายและเครียดมาก จี้ให้ออกมาแจงข่าวลือด่วน ระบุ
หากเป็นจริงให้มาสู่ขอให้ถูกต้อง แต่ถ้าไม่จริง ให้เลิกแล้วต่อกัน
ไม่เอาความ




วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:26:29 น.
มติชนออนไลน์


สาวแจ้งตร.จับ"ไชยา มิตรชัย"อ้างโดนล้อเป็นแฟน ทำให้อับอาย จี้พระเอกลิเกมาคุยกับครอบครัวให้รู้เรื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ว่า น.ส.พนิดา คิ้วนาง หรือ จอย อายุ 32
เดินทางแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อให้ดำเนินคดีกับ "ไชยา มิตรชัย"
พระเอกลิเก-นักร้อง-นักแสดงชื่อดัง ข้อหาหลอกลวงทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
โดยอ้างว่า 1 ปีที่ผ่านมาตนเองเครียดมาก เนื่องจากมีข่าวลือว่า พระเอกลิเกชื่อดังมาชอบและหลงรักตน
ซึ่งเพื่อนๆ และชาวบ้านใกล้เคียงที่รู้เรื่องนี้ต่างพากันล้อ จนเกิดความอับอาย
บางครั้งต้องทำร้ายตัวเองด้วยการกรีดแขน กรีดข้อมือ
จึงต้องมาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจเพื่อให้ดำเนินการจับกุมพระเอกลิเกรายนี้มาขังคุก
เนื่องจากข่าวทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกิดความเสียหาย
ตอนนี้ตนเองยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว อยากอยู่เป็นโสด
แต่หากข่าวลือดังกล่าวเป็นความจริงก็อยากให้พระเอกลิเกรายนี้มาพูดคุยกับทางครอบครัว
ให้ถูกต้องเป็นเรื่องเป็นราว หรือให้เลิกแล้วต่อกัน

สงสัยว่า รู้ได้ยังไง เหมือนพระเอกลิเก เฮ้อเวรจริง

[att]

http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000007532

ทหารบกคลั่งสาวสลัดรัก จี้จับตัวประกัน 11 ชั่วโมง

18 มกราคม 2553 21:16 น.


ทหารหน่วยจู่โจมซักซ้อมแผนชิงตัวประกันพร้อมใช้แก๊ซน้ำตา หลังพบว่าผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืน

เอเอฟพี - ทหารเวียดนามนายหนึ่งได้จับสาววัยรุ่นเป็นตัวประกันในห้องพักโรงแรมนาน 11 ชั่วโมง
และรัวยิงปืนไรเฟิลออกมา ก่อนที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยจะมาล้อมบริเวณแล้วเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด

เด็กสาวที่ถูกจับเป็นตัวประกันได้ได้รับการช่วยเหลือออกมาได้ในช่วง เช้ามืดของวันอาทิตย์ (17 ม.ค.)
ที่ผ่านมา หลังจากตำรวจและทหารคอมมานโดได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปในห้องพักของโรงแรมเล็กๆ
ที่ชายคนดังกล่าว จับหญิงสาวเป็นตัวประกันไว้ ทั้งนี้เป็นรายงานบนเว็บไซต์หนังสือพิมพ์แถ่งเนียน

เจิ่นถิทูจาง (Tran Thi Thu Trang) สาวตัวประกัน ถูกนำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการ
จากการสูดดมแก๊ซน้ำตาที่ตำรวจ ยิงเข้าไป แถ่งเนียนได้อ้างคำพูดของนายบุยดึ๊กฝู (Bui Duc Phu)
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครเหว (Hue)

ส่วนนายสิบเหวียนวันมีง (Nguyen Van Minh) อายุ 22 ปี ซึ่งก่อการจับตัวประกันครั้งนี้
ถูกจับกุมเพื่อรอพิจารณาโทษ

พนักงานสืบสวนกล่าวว่า ทหารนายนี้เกิดอารมณ์เสียหลังจากที่แฟนของเขาได้ปฏิเสธคำขอแต่งงาน

นอกจากนั้นนายทหารที่ก่อเหตุจับตัวประกันคนดังกล่าวยังถูกกล่าวหาว่า
ขโมยปืนเอเค-47 "อาก้า" พร้อมกระสุนอีก 30 นัด จากกองทหารราบ จ.กว๋างจิ (Quang Tri)
ตั้งแต่วันเสาร์ (16 ม.ค.) จากนั้นได้เดินทางไปที่บ้านของคนรัก ใน จ.เถือะเทียนเหว (Thua Thien Hue)

หลังจากขู่จะยิงตำรวจ นายสิบรายนี้ได้จี้มอเตอร์ไซค์รับจ้างไปยังโรงแรมที่เกิดเหตุ ซึ่งได้พบหญิงและ
นำออกจากห้องพัก กักตัวไว้ในโรงแรม พร้อมทั้งยิงปืนออกมา 11 นัด แต่ไม่มีรายงานว่า
มีคนได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ตำรวจท้องถิ่นปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นกับผู้สื่อข่าวของเอเอฟพี
รวมทั้งไม่สามารถเข้าไปสัมภาษณ์นายทหารได้ด้วยเช่นกัน.


โรงแรมที่ทหารหนุ่มจับตัวหญิงสาวที่เคราะห์ร้ายเป็นตัวประกัน


หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายได้รับความช่วยเหลือก่อนนำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายหลังถูกจับเป็นตัวประกันนาน 11 ชม.


ตำรวจและทหารเข้าปิดล้อมพื้นที่หลังพบว่าผู้ก่อเหตุมีอาวุธในมือ


ผู้คนในพื้นที่ออกมามุงดูเหตุการณ์หลังหญิงสาวถูกจับเป็นตัวประกันนาน 11 ชม.


แม่ของทหารหนุ่มรักคุดถูกนำตัวมาช่วยเจรจาหว่านล้อม


พ่อของหญิงที่สลัดรักทหารหนุ่มเล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นฟัง

แต่ถ้าเป็นแบบนี้ คงไม่ปลื้มสักเท่าไหร่หรอกนะ

[att]

พี่เคารพการตัดสินใจของเธอนะ sunny

เป็นถึงระดับนายทหาร ทำอะไรคิดถึงศักดิ์ศรีของกองทัพกันบ้าง
อย่าให้มันตกต่ำไปมากกว่านี้อีกเลย

กรรมสนองในชาตินี้ ไม่ใช่ชาติหน้า

[Unknown]

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1263988047&grpid=00&catid=

วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 09:10:21 น.
มติชนออนไลน์

โฆษก กห.ยันไม่มียิงถล่มกลาโหม ไม่รู้"เอ็ม-79" เฉียดจมูก
"อนุพงษ์" ปิดเงียบยิงถล่มห้องทำงาน ผบ.ทบ.

โฆษก กห.ยันไม่มียิงถล่มกลาโหม ไม่รู้เอ็ม-79เฉียดจมูก"อนุพงษ์" ปิดเงียบข่าวเอ็ม-79
ยิงถล่มห้องทำงานผบ.ทบ. คุมเข้มเพิ่มรปภ.ขั้นสูงสุด"อนุพงษ์-ครอบครัว-บ้านพัก"

พล.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ในรายการเก็บตกจากเนชั่น
กรณีมีข่าว M 79 ถูกยิงตกตรงสนามหน้ากระทรวงกลาโหม ว่า ไม่จริง ยืนยันว่าที่กระทรวงกลาโหม
ไม่มีบริเวณไหนที่มี M 79 ตกลงมาแน่นอนถ้ามีจริงๆก็คงต้องรู้ เพราะจุดตรงนั้น มีทหารรักษาการอยู่
คงปิดข่าวไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่เปิด แรงทำลายของ M 79 มันต้องกระจายและเสียงต้องดัง
ต้องมีคนมามุงดูกัน โดยพื้นที่ตรงด้านหน้าสนามนั้น แม้ช่วงเวลาตี 3- ตี 5 ก็จะมีการสัญจรไปมาตลอด
มีเจ้าหน้าที่อยู่ด้วย มีทั้ง สารวัตรทหาร(สห.)และกองรักษาการอยู่

สำหรับเหตุการณ์ที่กองบัญชาการกองทัพบกนั้น พล.อ.ธนาธิป ไม่ให้คำตอบ โดยกล่าวว่า ไม่ทราบ
คงต้องให้ทางนั้นตรวจสอบ ส่วนตัวได้เห็นข่าวแล้วเมื่อช่วงเช้า เดี๋ยวคงต้องประสานงานกัน

" คงไม่ใช่การสร้างกระแส แต่เป็นการปล่อยข่าวจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี ก็เป็นแต่เพียงแค่ต้องการให้
สถานการณ์เกิดความวุ่นวายเท่านั้นเอง " พล.อ.ธนาธิป กล่าว


ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 20 มกราคมว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
ได้เพิ่มระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะในขบวนรถยนต์ประจำตำแหน่งที่สัญจรในการปฏิบัติภารกิจ
โดยเพิ่มรถฉลามบกของกองพันสารวัตรทหาร (สห.) จำนวน 2 คัน และเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์อีก จำนวน 2 คัน รวมถึงมีรถวิทยุนำขบวน 1 คัน และปิดท้ายขบวนอีก 1 คัน

นอกจากนี้ มีการเพิ่มกำลังพลรักษาความปลอดภัยในบ้านพักย่านพุทธมณฑลสาย 2 ที่
นางกุลยา เผ่าจินดา ภรรยา และบุตรของ พล.อ.อนุพงษ์ ได้พักอาศัยอยู่ โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารบก
(สห.ทบ.) และเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ เข้าตรวจตรารักษาความสงบ รวมถึงการเพิ่มรถสายตรวจจาก สห.ทบ.
เข้าตรวจพื้นที่ในทุก 1 ชั่วโมง ขณะที่บ้านพัก ภายในกรมทหารราบที่ 1 (มหาดเล็ก) รักษาพระองค์ ( ร.1 รอ.)
มีการติดกล้องซีซีทีวีเพิ่ม และมีการรักษาความปลอดภัย ที่เข้มงวดมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการที่ พล.อ.อนุพงษ์ ได้มีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นมากขึ้นในช่วงนี้
เนื่องจากเมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีลูกระเบิดเอ็ม 79 ยิงเข้ามาในตัวอาคาร 1 ชั้น 6
ที่ตึกกองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็น สำนักงานผู้บัญชาการทหารบก บริเวณห้องทำงานของ
พล.อ.อนุพงษ์ ส่งผลให้ผนัง และเสาเกิดเป็นหลุม และทำให้กระจกแตกไป 1 บาน เนื่องจากสะเก็ดระเบิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุระเบิดเจ้าหน้าที่นายทหารเวรที่รักษาความปลอดภัยภายในกองทัพบก
ทั้งสารวัตรทหารบก (สห.ทบ.) และเจ้าหน้าที่จากส่วนสนับสนุน บก.ทบ.ได้เข้าตรวจสอบพบว่า
จุดเกิดเหตุกลายเป็นหลุมวงกว้าง ด้วยแรงระเบิดจากเครื่องยิงเอ็ม 79 ซึ่งยิงมาจากด้านหลังกองทัพบก
ทั้งนี้จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญวัตถุระเบิดจากกรมสรรพาวุธทหารบก ประเมินว่า
เป้าหมายของคนร้าย คือ ห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่ต้องการข่มขู่ อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
จากเหตุระเบิด เพราะเป็นช่วงเช้ามืดที่ยังไม่มีผู้บังคับบัญชาคนใดเข้ามาทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบกได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปิดข่าว
เนื่องจากไม่ต้องการให้เห็นว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยของกองทัพบกมีความหละหลวม
ซึ่งขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ และสืบสวนหาหลักฐาน
เพื่อโยงไปถึงตัวผู้กระทำความผิดและนำมาดำเนินคดีให้ได้ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้น
หลังจากที่มีการเสนอข่าวว่า มีคำสั่งให้พักราชการ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เพียง 1 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนงานเลี้ยงวันกองทัพบกในวันที่ 20 มกราคมที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี
พล.อ.อนุพงษ์ ได้สั่งห้ามสื่อมวลชนทำข่าว พร้อมสั่งการให้เพิ่มระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยแบบขั้นสูงสุด
เนื่องจากมีผู้ใหญ่ของบ้านเมืองจำนวนมากเดินทางมาร่วมงาน จึงได้มีการจัดวางกำลังเข้ามารักษาความปลอดภัย
จาก ร.1 รอ. สห.ทบ. กรมสรรพาวุธทหารบก เข้ามาดูแล

มีกำลังพลมากมาย แต่ถ้าไร้สมอง ก็ไร้ประโยชน์

[att]

เล่าสู่กันฟัง -ธงไชย แมคอินไตย์

[Unknown]

นครราชสีมา-ฮ.กองทัพอากาศร่อนลงจอดฉุกเฉินกลางไร่อ้อย

19/1/2553

เฮลิคอปเตอร์กองทัพอากาศร่อนลงจอดฉุกเฉินกลางไร่อ้อย อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา
ขณะกำลังเดินทางไปมอบผ้าห่มกันหนาวที่ จ.บุรีรัมย์

วันนี้ (19 ม.ค. 53) เวลาประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศร่อนลงจอดฉุกเฉินกลางไร่อ้อย
ที่ตัดแล้วของ นางพิมพ์ใจ ศิวะชาติชูวงศ์ ชาวบ้านบ้านพฤกษ์งาม หมู่ที่ 13 ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง
จังหวัดนครราชสีมา ขณะกำลังบินไปราชการเพื่อร่วมพิธีมอบผ้าห่มกันหนาวกับนางนภาพร ศุภวงศ์
นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ ที่จังหวัดบุรีรัมย์

ในที่เกิดเหตุพบ เฮลิคอปเตอร์รุ่นฮิวอี้ 37 ของกองทัพอากาศ มีผู้โดยสาร รวม 5 นาย หนึ่งในนั้นคือ
นาวาอากาศเอกคงศักดิ์ จันทรโสภา ผู้บังคับการกองบิน 1 นครราชสีมา และมีเรืออากาศเอกสรวุฒิ พรหมง เป็นนักบิน
แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และตัวเฮลิคอปเตอร์ก็ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุที่ต้องลงจอดฉุกเฉิน
กลางไร่อ้อยนั้นเป็นเพราะได้กลิ่นเหม็นไหม้ ภายในตัวเครื่อง นักบินจึงร่อนลงจอดฉุกเฉิน ซึ่งต่อมาได้มีรถยนต์
ของกองบิน 1 เดินทางมารับตัวผู้บังคับการกองบิน 1 เดินทางกลับกองบิน 1 นครราชสีมา ทันที

และหลังเกิดเหตุได้มีชาวบ้านทราบข่าวเดินทางมาดูเหตุการณ์จำนวนมาก จากนั้นมีนายทหารอากาศและ
ช่างเครื่องจากกองบิน 1 หลายนาย เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ และเข้าตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์เพื่อซ่อมแซม
และมีการลองเครื่องยนต์เพื่อทดสอบ ก่อนจะนำเครื่องบินกลับไปยังกองบิน 1 นครราชสีมา
ซึ่งต่อมาทางกองบิน 1 นครราชสีมาได้แจ้งว่าสาเหตุที่ต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินเนื่องจากแผงสวิตท์
วงจรไฟฟ้าเกิดช็อตกันจนไหม้ แต่ขณะนี้ได้ซ่อมแซมเป็นปกติแล้ว

สำหรับเฮลิคอปเตอร์กองทัพอากาศลำเกิดเหตุเป็นชนิดลำเลียง UH 1 H หรือฮิวอี้ ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา
กองทัพอากาศไทยนำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐอเมริกา
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 โดยเข้าประจำการครั้งแรกที่ฝูงบิน 203 กองบิน 2 ลพบุรี จากนั้นย้ายมาประจำการ
ที่กองบิน 1 นครราชสีมา จนถึงปัจจุบันรวม 42

http://www.krobkruakao.com/kkn/?a=news&s=detail&news_id=14677

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=420&contentID=43784
ฮ.ผู้การกองบิน 1 ลงฉุกเฉินกลางไร่

วันอังคาร ที่ 19 มกราคม 2553 เวลา 19:55 น

ระทึก! เฮลิคอปเตอร์ผู้การฯ กองบิน 1 โคราช ร่อนลงจอดฉุกเฉินกลางไร่อ้อย
ขณะบินมุ่งหน้าไปปฏิบัติภารกิจแจกผ้าห่มที่บุรีรัมย์

เมื่อเวลา 09.20 น.วันที่ 19 ม.ค. พ.ต.อ.กฤตทัศน์ ชนะสิทธิ์ ผกก.สภ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา
ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า เห็นเฮลิคอปเตอร์ร่อนลงจอดฉุกเฉินกลางไร่อ้อย หมู่บ้านพฤกษ์งาม
หมู่ 13 ต.หลุ่งประดู่ อ.ห้วยแถลง จึงพร้อมด้วย นายธีระชัย ลิ้มประสิทธิศักดิ์ นายอำเภอห้วยแถลง
และเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 800 เมตร
พบเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศ ชนิด เบล บิวอี้ 37 หมายเลขตัวเครื่อง 6-7/12 และ
หมายเลขบริเวณด้านหน้า 20337 จอดอยู่กลางไร่อ้อย โดยมีชาวบ้านพากันมามุงดูจำนวนมาก

ในที่เกิดเหตุยังพบ นาวาอากาศเอกคงศักดิ์ จันทร์โสภา ผู้บังคับการกองบิน 1 กองพลบินที่ 2
กองบัญชาการยุทธการทางอากาศ จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยนักบิน 2 นาย ช่างเครื่อง 2 นาย
รวม 5 นาย ยืนอยู่ข้างเครื่องบิน โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่นายหนึ่งที่ประจำเครื่องบินลำดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุได้นำเฮลิคอปเตอร์
ขึ้นบินจากกองบิน 1 กองพลบินที่ 2 กองบัญชาการยุทธการทางอากาศ ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา
เพื่อนำนาวาอากาศเอกคงศักดิ์ไปปฏิบัติภารกิจมอบผ้าห่มกันหนาวร่วมกับทาง สมาคมแม่บ้านทหารอากาศที่ จ.บุรีรัมย์
ระหว่างทางพบสิ่งผิดปกติ คือ วิทยุสื่อสารเกิดขัดข้องไม่สามารถติดต่อประสานงานกับหอบังคับการบินได้
เพื่อความปลอดภัยจึงตัดสินใจนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินกลางไร่อ้อย ก่อนจะประสานไปยังกองบิน 1
เพื่อให้ทีมช่างมาซ่อมแซม และนำเครื่องบินกลับไปตรวจเช็ค อย่างละเอียดที่กองบิน 1 ต่อไป.

[Unknown]

http://news.mcot.net/international/inside.php?value=bmlkPTEzNjk0MiZudHlwZT10ZXh0

เครื่องบินทหารฟิลิปปินส์ตก เสียชีวิต 8 คน

มะนิลา 28 ม.ค. - เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ กล่าวว่า เครื่องบินทหารตกลงในเขตที่อยู่อาศัยทางใต้ของประเทศ
ทำให้ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้ที่อยู่บนเครื่องอีก 7 คน เสียชีวิตด้วย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์
แถลงว่า ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บบนพื้นดินในเมืองโกตาบาโต จากเหตุเครื่องบินตกและระเบิดไฟลุกท่วม
หลังทะยานขึ้นได้ไม่นาน จนทำให้เปลวเพลิงลามไปยังบ้าน 2 หลัง ที่อยู่ใกล้เคียง ภาพข่าวทางโทรทัศน์
เผยให้เห็นศพในสภาพไหม้เกรียม ขณะที่ผู้คนพยายามช่วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ลุกไหม้บริเวณเครื่องบินที่แวะ
จอดในเมืองโกตาบาโต ระหว่างเดินทางจากเมืองดาเวา ไปยังเมืองซัมบวงกา ซึ่งนักบินได้วิทยุแจ้งว่า
เกิดเหตุฉุกเฉินหลังบินขึ้นไม่นาน . - สำนักข่าวไทย

เครื่องบินทหารตก-ผบ.ทอ.ฟิลิปปินส์ดับ



เครื่องบินทหารของกองทัพฟิลิปปินส์รุ่น “โนแมด” ตกใส่บ้าน 2 หลังจนเกิดระเบิดไฟไหม้
หลังบินขึ้นจากสนามบินเมืองโคตาบาโต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 8 ราย
เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินทหารรุ่น “โนแมด” ของกองทัพฟิลิปปินส์ตกใส่บ้านเรือน 2 หลัง
จนเกิดระเบิดไฟไหม้วายวอด หลังเพิ่งบินขึ้นจากสนามบินเมืองโคตาบาโตทางภาคใต้
เมื่อ 28 ม.ค.ทำให้คนบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด 8 ศพ รวมทั้งผู้บัญชาการทหารอากาศอาวุโส
แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีชาวบ้านบนพื้นดินเสียชีวิตด้วยหรือไม่ เครื่องบินลำนี้มีต้นทางจากเมืองดาเวา
จะไปยังเมืองซัมบวงกา แต่แวะท่ีโคตาบาโต อนึ่ง ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแก๊สระเบิด
จนทำให้แฟลต 6 ชั้นในเมืองเลจ์ในเบลเยี่ยมพังราบพุ่งขึ้นเป็น 9 ศพ มีผู้บาดเจ็บ 21 คน

http://thai.cri.cn/412/2010/01/28/121s169162.htm

เครื่องบินรบฟิลิปปินส์ตกในเขตชุมชน เป็นเหตุให้ทหาร 8 นายเสียชีวิต

2010-01-28 20:36:26 Xinhua



สํานักข่าวซินหวารายงานว่า วันที่ 28 มกราคมนี้ เครื่องบินรบขนาดเล็กได้ตกที่เขตชุมชนของเมืองโคทาบาโต
(Cotabato City)ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ทหาร 8 นายที่อยู่บนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด