สิ่งที่ประเทศไทยต้องเจอในอนาคตอันใกล้
+3
att
ฅนไท
sunny
7 posters
หน้า 5 จาก 9
หน้า 5 จาก 9 • 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9
Re: สิ่งที่ประเทศไทยต้องเจอในอนาคตอันใกล้
santiasoke2
http://www.skyd.org/html/hot/visakha-2.html
มหายันอุ้มสันติอโศก โต้ 'มหาเถร'
พุทธมณฑลเป็นของพุทธบริษัท
ไทยโพสต์ การเมือง - ข่าว
๑๓ เมษายน ๒๕๔๘ กองบรรณาธิการ
'จำลอง' ลั่น มส.ไม่มีสิทธิห้ามสันติอโศกร่วมงานวิสาขบูชา
เพราะพุทธมณฑลเป็นของพุทธบริษัท ไม่ใช่เฉพาะของสงฆ์
ยันเดินหน้าตามบัญชานายกฯ
เผย "ทักษิณ" ฝันไทยยิ่งใหญ่เหมือนเมกกะ "ทองขาว"
เตือนสำนักพุทธรู้อะไรควรไม่ควร ถ้าไม่ฟัง มส.ก็มองหน้ากันไม่ได้
เตรียมระดมชาวพุทธเคลื่อนไหวใหญ่ รอมติมหาเถรสมาคม ๒๐ เม.ย.
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประธานศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อพลังแผ่นดิน
หรือศูนย์คุณธรรม ชี้แจงเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ถึงการจัดงานวันวิสาขบูชา
ระหว่างวันที่ ๒๒-๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ว่าเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ตนได้ชวน น.พ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์
ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) บุตรชายนายสัญญา ธรรมศักดิ์
อดีตนายกรัฐมนตรี ไปกราบนมัสการรักษาการสมเด็จพระสังฆราช
เพื่อกราบทูลถึงการเตรียมงานวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นไปตามดำริของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ศูนย์คุณธรรมเป็นผู้ดำเนินการจัดงานครั้งนี้
เพื่อให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ของชาวพุทธ ตามแนวทางของท่านพุทธทาส
ให้ถึงขนาดว่ามีชาวพุทธที่เป็นคนต่างชาติเข้ามาร่วมด้วย โดยให้ผู้อำนวยการ
พศ.เป็นแม่งาน และนิมนต์พระผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ
ร่วมกับฆราวาส ขณะที่ตนเองเป็นที่ปรึกษา
http://www.asoke.info/
http://www.bunniyom.com/newbiography.samanabhodhirak.html
http://www.buddhadasa.org/html/life-work/bio/tell_TOC.html
ท่านพุทธทาส ภิกขุ
http://www.skyd.org/html/hot/visakha-2.html
มหายันอุ้มสันติอโศก โต้ 'มหาเถร'
พุทธมณฑลเป็นของพุทธบริษัท
ไทยโพสต์ การเมือง - ข่าว
๑๓ เมษายน ๒๕๔๘ กองบรรณาธิการ
'จำลอง' ลั่น มส.ไม่มีสิทธิห้ามสันติอโศกร่วมงานวิสาขบูชา
เพราะพุทธมณฑลเป็นของพุทธบริษัท ไม่ใช่เฉพาะของสงฆ์
ยันเดินหน้าตามบัญชานายกฯ
เผย "ทักษิณ" ฝันไทยยิ่งใหญ่เหมือนเมกกะ "ทองขาว"
เตือนสำนักพุทธรู้อะไรควรไม่ควร ถ้าไม่ฟัง มส.ก็มองหน้ากันไม่ได้
เตรียมระดมชาวพุทธเคลื่อนไหวใหญ่ รอมติมหาเถรสมาคม ๒๐ เม.ย.
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประธานศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อพลังแผ่นดิน
หรือศูนย์คุณธรรม ชี้แจงเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ถึงการจัดงานวันวิสาขบูชา
ระหว่างวันที่ ๒๒-๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ว่าเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ตนได้ชวน น.พ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์
ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) บุตรชายนายสัญญา ธรรมศักดิ์
อดีตนายกรัฐมนตรี ไปกราบนมัสการรักษาการสมเด็จพระสังฆราช
เพื่อกราบทูลถึงการเตรียมงานวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นไปตามดำริของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ศูนย์คุณธรรมเป็นผู้ดำเนินการจัดงานครั้งนี้
เพื่อให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ของชาวพุทธ ตามแนวทางของท่านพุทธทาส
ให้ถึงขนาดว่ามีชาวพุทธที่เป็นคนต่างชาติเข้ามาร่วมด้วย โดยให้ผู้อำนวยการ
พศ.เป็นแม่งาน และนิมนต์พระผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ
ร่วมกับฆราวาส ขณะที่ตนเองเป็นที่ปรึกษา
http://www.asoke.info/
http://www.bunniyom.com/newbiography.samanabhodhirak.html
http://www.buddhadasa.org/html/life-work/bio/tell_TOC.html
ท่านพุทธทาส ภิกขุ
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
Re: สิ่งที่ประเทศไทยต้องเจอในอนาคตอันใกล้
santiasoke3
http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=693&page=2 ภาวะแห่งความแย้งขัดระหว่างพระพุทธศาสนากับศาสนาอื่น เกี่ยวกับปัญหาศาสนา คำว่า “ปัญหา” คือ คำถาม หรือข้อสงสัย แต่ในที่นี้มิได้หมายถึงข้อสอบที่นักเรียนนักศึกษาจะต้องตอบ แต่หมายถึงข้อสงสัยอันเกิดจากการกระทำของบางศาสนาในประเทศไทยที่เป็นพิษเป็น ภัยต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นผลร้าย ถึงขั้นที่พระพุทธศาสนาในประเทศไทยจะเสื่อมและสูญสิ้นไปได้ กล่าวสั้น ก็คือ พระพุทธศาสนากำลังถูกบ่อนทำลายจากบางศาสนาบางนิกายที่เข้ามาเผยแพร่ในประเทศ ไทย เนื่องจากพระพุทธศาสนาประจำชาติไทยมาทุกแผ่นดินทุกสมัยตั้งแต่กรุงสุโขทัย เป็นราชธานีเรื่อยมาตราบจนปัจจุบัน ประชาชนชาวไทยเกินกว่า ๙๕ เปอร์เซ็นต์นับถือพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกับพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นพระประมุข ของชาติ หรือเจริญรอยเบื้องพระยุคลบาทองค์พระประมุขของตน แต่พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์แม้จะทรงนับถือพระพุทธศาสนาก็มีน้ำพระทัยอัน ประเสริฐทรงอุปถัมภ์ทุกศาสนาที่เข้ามาเผยแพร่พึ่งพระบรมโพธิสมภารอีกประการ หนึ่ง เกี่ยวกับพิษภัยของพระพุทธศาสนานั้นแม้ในครั้งพุทธกาลก็เกิดมีมาแล้วมิใช่จะ มาเกิดมีแต่ในประเทศไทย และแม้หลังพุทธกาล เมื่อสิ้นรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดีย พระพุทธศาสนาก็ไม่มีพิษมีผู้บ่อนทำลายจนถึงขั้นเสื่อมสูญดังกล่าวในภาคหนึ่ง -สองแล้วครั้งกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็เกิดขึ้น มาถึงครั้งกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ศาสนาเดียวกันกับที่เคยกระทำเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาก็ตามมาบ่อนทำลายพระ พุทธศาสนาอีก และเมื่อถูกท่านเสนาบดีเรียกตัวบาทหลวงมาคาดโทษ ก็ชะงักไประยะหนึ่ง ถึงรัชกาลที่ ๔ เริ่มอีก รัชกาลที่ ๔ ทรงแก้ปัญหาอย่างนุ่มนวลก็ผ่านพ้นความรุนแรงได้ มาถึงรัชกาลปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑ ศาสนากับนิกายเดิมนั้น หยิบเอาวิธีการที่เคยกระทำเมื่อครั้งรัชกาลที่ ๓ มาดำเนินการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอีก คราวนี้ชาวพุทธได้รวมตัวกันประท้วงและตอบโต้ โดยเชิญ พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ แสดงปาฐกถาทำความเข้าใจโดยถ่ายทอดทางวิทยุกระจายเสียง เป็นเหตุให้ผู้บ่อนทำลายชะงักเงียบไปอีกครั้งหนึ่ง แต่แทนที่จะสำนึกในความเป็นศาสนา และมาอาศัยแผ่นดินมาเผยแพร่ ศาสนานิกายนี้กลับดำเนินการที่หนักขึ้น และใช่เพียงแค่บ่อนทำลายเท่านั้น แต่ยังใช้แผนผสมกลมกลืนพระพุทธศาสนาอีกด้วย วิธีการแบบนี้ศาสนาฮินดูใช้ทำกับศาสนาพุทธในอินเดีย และได้ผลมาแล้ว จากแผนการบ่อนทำลายหมายดูดกลืนต่างๆ ทำให้ชาวพุทธกลุ่มหนึ่งตื่นตัว และพิจารณาเอกสารต่างๆที่ปรากฏ เห็นว่าเป็นการทำงานแบบประสานแนวความคิด โดยเชื่อมโยงมาจากเอกสาร คือ “วารสารแถลงกิจ” หรือ “บุลเลติน” ที่เป็นผลจากการสังคายนาครั้งที่ ๒ ของสำนักวาติกันทั้งสิ้น โดยใช้ระบบทำงานใหม่ ที่เรียกว่า “ไดอาลอก” แปลกันว่า “ศาสนสัมพันธ์” ฟังชื่อแล้วไม่น่ามีปัญหา แต่มีปัญหาหนักมากสำหรับชาวพุทธที่ติดตามเรื่องนี้อย่างละเอียด เพราะระบบหรือวิธีการทำงานจากแผนไดอาลอกนั้น ในหนังสือแผนทำลายพระพุทธศาสนา หน้า ๑๒ กล่าวว่า “โดยเปลือกนอก หุ้มไว้ด้วยเมตตา ไมตรี ร่วมงาน ประสานประโยชน์ แต่เป้าหมายที่ซ่อนเร้น และเป็นเป้าจริง คือ การผสมกลมกลืนทางศาสนาและวัฒนธรรมไทย เพื่อนำเอาหลักธรรมในพระพุทธศาสนาเข้ามาเป็นของตน ด้วยวิธีค่อยๆกระแซะแบบดูดกลืน บิดเบือนผสมผสาน จนประเทศไทยอันเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาเป็นเมืองแห่งศาสนาคริสต์ในที่สุด” พฤติการณ์ของบางศาสนา บางนิกายได้ดำเนินการในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมาเป็นระยะ จนปัจจุบันซึ่งนับว่าร้ายแรงแบบซึมลึก เมื่อพฤติการณ์ดังกล่าวปรากฏมาช้านานเป็นประวัติศาสตร์อันกระทบกระเทือนต่อ พระพุทธศาสนาในประเทศไทย จึงควรที่จะนำมาแสดง เพราะเกี่ยวข้องด้วยพระพุทธศาสนา และพุทธบริษัที่ทราบเรื่องจะได้ดำเนินการในลักษณะปกป้องพระพุทธศาสนาอย่างไร ควรจะกระทำในสิ่งที่ควรกระทำอย่างไร พฤติการณ์ที่พระทบกระเทือนพระพุทธศาสนาบางประการ อันพฤติกรรมบ่อนทำลายหมายดูดกลืนพระพุทธศาสนานั้น เท่าที่พบหลักฐานมีปรากฏทั้งโดยวิธีทำลายพระพุทธเจ้า ปลอมแปลงพระธรรมคำสั่งสอนและโจมตีใส่ร้ายพระสงฆ์ ตลอดจนลอกเลียนแบบพระศาสนบุคคล ศาสนวัตถุและศาสนพิธีต่างๆเพื่อแผนผสมกลมกลืนบรรลุถึงจุดหมายดูดกลืนได้เร็ว ขึ้น ตลอดจนวิธีการบีบบังคับใจไห้จำยอมต้องเข้ารีดอย่างขมขื่นอีกหลายวิธี เช่นที่ปรากฏในหนังสือ “ภัยพระพุทธศาสนา” ตอนหนึ่งว่า “พระพุทธเจ้านั้น เป็น ประกาศก องค์หนึ่งของพระเจ้า…” เป็นต้น พฤติการณ์อันกระทบกระเทือนเป็นโทษต่อพระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเหตุให้พระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาต้องเกิดการผิดพลาดคลาดเคลื่อน เฉพาะส่วน โดยการกระทำของฝ่ายอื่น ที่หวังประโยชน์ตนเป็นที่ตั้ง แต่พระพุทธศาสนาได้รับความเสียหาย ผู้ศึกษามาน้อยจะหลงเชื่อได้ เข้าใจผิดคิดว่าเป็นคำสอนของศาสนาอื่นที่น่เชื่อน่าปฏิบัติตามพฤติการณ์ อย่างนี้ อีกวิธีหนึ่ง ที่บางศาสนาบางนิกายที่กระทำขึ้นได้ เพราะได้โอกาสช่วงเวลาหนึ่ง เป็นโครงการที่ลึกซึ้งระยะยาว นั่นคือ การปลอมแปลงพระธรรมดูดกลืนเด็กทางการเรียนการสอน ดังปรากฏหลักฐานจากหนังสือชื่อ “เบื้องหลังคริสต์ใช้ศัพท์พุทธ” โดยชมรมชาวพุทธฯ ความว่า “วิธีดูดกลืนหลักธรรมในพระพุทธศาสนา สภาการศึกษาคาทอลิก แห่งประเทศไทย ได้จัดพิมพ์หนังสือเพื่อดูดกลืนหลักธรรมในพระพุทธศาสนาขึ้นหลายเล่ม…” |
แก้ไขล่าสุดโดย att เมื่อ Tue Feb 17, 2009 11:59 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
Re: สิ่งที่ประเทศไทยต้องเจอในอนาคตอันใกล้
santiasoke4
เกี่ยวกับการพัฒนาสังคมด้านจิตใจด้วยการมีศีลธรรม
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระองค์ทรงมีพระจริยาวัตรประเสริฐ
จนเป็นที่เทิดทูลว่าเป็นพระมหาราชที่ทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม ๑๐ ประการ
อย่างครบถ้วนสมบูรณ์จริงๆ เนื่องจากประเทศไทยกำลังอยู่ในระหว่างพัฒนา
ซึ่งยอมรับกันว่าหนักไปทางวัตถุมากกว่าด้านจิตใจ
ปัญหาหรือข่าวสังคมแต่ละวันจึงมีไม่น้อยว่า “ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น” ต่อมาวันที่ ๑๑
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมได้ดำเนินการพิมพ์หนังสือขึ้นจำนวน
๓๐,๐๐๐ เล่ม ตามคำบัญชาของมหาเถรสมาคม
ดังนั้น
มหาเถรสมาคมจึงอนุมัติให้จัดพิมพ์หนังสือ “แนะแนวปฏิบัติตามคุณธรรม ๔ ประการ
และปฏิบัติตามค่านิยมพื้นฐาน ๕ ประการ” ซึ่งเจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค
และพระเถรานุเถระผู้ได้รับคัดเลือกเป็นวิทยากรบรรยายอบรมได้ประชุมจัดทำขึ้น
เพื่อใช้เป็นคู่มือในการอบรมประธานและรองประธานฝ่ายบรรพชิตของหน่วย อ.ป.ต.
ในเขตปกครองหนกลางเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ และอนุมัติให้พิมพ์จำนวน ๓๐,๐๐๐ เล่ม
เพื่อถวายความสะดวกแก่เจ้าอาวาสทุกวัด จะได้อาศัยใช้เป็นคู่มือในการชี้แจง แนะนำ
อบรม สั่งสอน ประชาชนในเขตหมู่บ้านตำบลนั้นๆต่อไป
เกี่ยวกับนิกายแห่งศาสนาและลัทธิอื่น
พระสงฆ์อนัมนิกายในประเทศไทย
คือพระสงฆ์ญวนถือฝ่ายมหายาน หรือญวนนิกาย ในปัจจุบันมีวัดพระสงฆ์ญวนในประเทศไทย ๑๓
วัด และดำรงอยู่อย่างปกติ แต่ก่อนจะมาสร้างเป็นวัดขึ้นถึงระดับนี้ มีความเป็นมาว่า
องเชียงซุน พระราชบุตรองค์ที่ ๔ ของพระเจ้าเมืองเว้
ราชธานีของญวนหนีกบฎอพยพพวกพ้องและพลเมืองมาอยู่เมืองฮาเตียง เขตติดต่อกับเขมร
ถูกเขมรยกทัพไล่ จึงอพยพหนีเข้าประเทศไทย ขอพึ่งบารมีพระเจ้ากรุงธนบุรีเมื่อปีวอก
พ.ศ. ๒๓๑๙ โปรดให้อยู่ตอนถนนพาหุรัด นับว่าเป็นพวกแรก ต่อมา ปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕
องเชียงสือ พระราชนัดดาพระเจ้าเมืองเว้
อพยพหนีศัตรูจากไซง่อนมาอยู่เกาะกระบือในเขตเขมร พระยาชลบุรี
คุมเรือรบลาดตระเวนพบเข้า ช่วยนำเข้ากรุงเทพฯ รัชกาลที่ ๑ ทรงรับไว้
โปรดให้อยู่ที่ตำบลคอกกระบือ(สถานทูตโปรตุเกสในปัจจุบัน) ต่อมาองเชียงสือ
เขียนสารทูลลาไปกอบกู้บ้านเมือง กรมพระราชวังบวรฯ
จึงโปรดให้ย้ายญวนพวกองเชียงสือไปอยู่ที่ตำบลบางโพ เขตดุสิต สืบมา
จากนั้น มีชาวญวนอพยพเข้ามาอีก ๓ คราว คือ
ในปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๓๗๖ ครั้งเจ้าพระยาบดินทร์เดชา(สิงห์ สิงหเสนี)
ได้ยกทัพไปตีเมืองญวน ได้ครอบครัวญวนส่งเข้ามาถวาย ๒ พวก คือ พวกถือศาสนาพุทธ
พวกนี้โปรดให้ไปอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี และพวกถือศาสนาคริสต์
พวกนี้โปรดให้ไปอยู่รวมกับพวกเข้ารีตที่ตำบลสามเสนในกรุงเทพฯ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่
๔ พวกญวนที่ไปอยู่กาญจนบุรี ปรารถนาจะเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ
ก็ทรงโปรดให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ย่านคลองผดุงกรุงเกษม(คลองที่โปรดให้ขุด
ขึ้นใหม่) และทรงโปรดให้ไปสังกัดเป็นทหารปืนใหญ่ “ฝ่ายวังหลวง”
ส่วนพวกที่ถือคริสต์ให้ย้ายไปสังกัดเป็นทหารปืนใหญ่ “ฝ่ายวังหน้า”
คือพวกญวนพระยาบรรลือสีหนาทในปี พ.ศ. ๒๓๗๗ พระเจ้าแผ่นดินญวน ทรงพระนามว่า “มินมาง”
ทรงประกาศห้ามคนญวนถือศาสนาคริสต์ และโปรดให้จับพวกเข้ารีตมาทารุณต่างๆ
ชาวญวนพวกนี้จึงอพยพเข้าประเทศไทย โปรดให้ไปอยู่จังหวัดจันทบุรีบ้าง
ที่ตำบลสามเสนในกรุงเทพฯบ้าง ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๘๓
กองทัพไทยร่วมกับกองทัพเขมรเข้ารบขับไล่กองทัพญวนที่เข้ามาชุมนุมอยู่ในเขต เขมร
กองทัพญวนตกอยู่ในวงล้อมหลายแห่ง และเกิดโรคระบาดขึ้นในกองทัพ
จึงหนีโรคระบาดออกมาสวามิภักดิ์ต่อเจ้าพระยาบดินทร์เดชาประมาณพันกว่าคน
เจ้าพระยาบดินทร์เดชาจึงส่งเข้าถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงรับไว้แล้วโปรดให้ไปอยู่ที่ตำบลบางโพรวมกับพวกเก่า
ไม่ว่าจะชาวญวนผ่ายไหน อยู่ที่ไหกน
ที่ถือพุทธก็พยายามสร้างวัดขึ้น
ที่ถือคริสต์ก็สร้างโรงสวดขึ้นเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาและลัทธิเชื่อถือ
ด้วยเหตุนี้จึงมีวัดญวน พระญวน
เกิดขึ้นในประเทศไทยสืบต่อมาจนทุกวันนี้
เกี่ยวกับการพัฒนาสังคมด้านจิตใจด้วยการมีศีลธรรม
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระองค์ทรงมีพระจริยาวัตรประเสริฐ
จนเป็นที่เทิดทูลว่าเป็นพระมหาราชที่ทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม ๑๐ ประการ
อย่างครบถ้วนสมบูรณ์จริงๆ เนื่องจากประเทศไทยกำลังอยู่ในระหว่างพัฒนา
ซึ่งยอมรับกันว่าหนักไปทางวัตถุมากกว่าด้านจิตใจ
ปัญหาหรือข่าวสังคมแต่ละวันจึงมีไม่น้อยว่า “ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น” ต่อมาวันที่ ๑๑
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมได้ดำเนินการพิมพ์หนังสือขึ้นจำนวน
๓๐,๐๐๐ เล่ม ตามคำบัญชาของมหาเถรสมาคม
ดังนั้น
มหาเถรสมาคมจึงอนุมัติให้จัดพิมพ์หนังสือ “แนะแนวปฏิบัติตามคุณธรรม ๔ ประการ
และปฏิบัติตามค่านิยมพื้นฐาน ๕ ประการ” ซึ่งเจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค
และพระเถรานุเถระผู้ได้รับคัดเลือกเป็นวิทยากรบรรยายอบรมได้ประชุมจัดทำขึ้น
เพื่อใช้เป็นคู่มือในการอบรมประธานและรองประธานฝ่ายบรรพชิตของหน่วย อ.ป.ต.
ในเขตปกครองหนกลางเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ และอนุมัติให้พิมพ์จำนวน ๓๐,๐๐๐ เล่ม
เพื่อถวายความสะดวกแก่เจ้าอาวาสทุกวัด จะได้อาศัยใช้เป็นคู่มือในการชี้แจง แนะนำ
อบรม สั่งสอน ประชาชนในเขตหมู่บ้านตำบลนั้นๆต่อไป
เกี่ยวกับนิกายแห่งศาสนาและลัทธิอื่น
พระสงฆ์อนัมนิกายในประเทศไทย
คือพระสงฆ์ญวนถือฝ่ายมหายาน หรือญวนนิกาย ในปัจจุบันมีวัดพระสงฆ์ญวนในประเทศไทย ๑๓
วัด และดำรงอยู่อย่างปกติ แต่ก่อนจะมาสร้างเป็นวัดขึ้นถึงระดับนี้ มีความเป็นมาว่า
องเชียงซุน พระราชบุตรองค์ที่ ๔ ของพระเจ้าเมืองเว้
ราชธานีของญวนหนีกบฎอพยพพวกพ้องและพลเมืองมาอยู่เมืองฮาเตียง เขตติดต่อกับเขมร
ถูกเขมรยกทัพไล่ จึงอพยพหนีเข้าประเทศไทย ขอพึ่งบารมีพระเจ้ากรุงธนบุรีเมื่อปีวอก
พ.ศ. ๒๓๑๙ โปรดให้อยู่ตอนถนนพาหุรัด นับว่าเป็นพวกแรก ต่อมา ปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕
องเชียงสือ พระราชนัดดาพระเจ้าเมืองเว้
อพยพหนีศัตรูจากไซง่อนมาอยู่เกาะกระบือในเขตเขมร พระยาชลบุรี
คุมเรือรบลาดตระเวนพบเข้า ช่วยนำเข้ากรุงเทพฯ รัชกาลที่ ๑ ทรงรับไว้
โปรดให้อยู่ที่ตำบลคอกกระบือ(สถานทูตโปรตุเกสในปัจจุบัน) ต่อมาองเชียงสือ
เขียนสารทูลลาไปกอบกู้บ้านเมือง กรมพระราชวังบวรฯ
จึงโปรดให้ย้ายญวนพวกองเชียงสือไปอยู่ที่ตำบลบางโพ เขตดุสิต สืบมา
จากนั้น มีชาวญวนอพยพเข้ามาอีก ๓ คราว คือ
ในปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๓๗๖ ครั้งเจ้าพระยาบดินทร์เดชา(สิงห์ สิงหเสนี)
ได้ยกทัพไปตีเมืองญวน ได้ครอบครัวญวนส่งเข้ามาถวาย ๒ พวก คือ พวกถือศาสนาพุทธ
พวกนี้โปรดให้ไปอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี และพวกถือศาสนาคริสต์
พวกนี้โปรดให้ไปอยู่รวมกับพวกเข้ารีตที่ตำบลสามเสนในกรุงเทพฯ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่
๔ พวกญวนที่ไปอยู่กาญจนบุรี ปรารถนาจะเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ
ก็ทรงโปรดให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ย่านคลองผดุงกรุงเกษม(คลองที่โปรดให้ขุด
ขึ้นใหม่) และทรงโปรดให้ไปสังกัดเป็นทหารปืนใหญ่ “ฝ่ายวังหลวง”
ส่วนพวกที่ถือคริสต์ให้ย้ายไปสังกัดเป็นทหารปืนใหญ่ “ฝ่ายวังหน้า”
คือพวกญวนพระยาบรรลือสีหนาทในปี พ.ศ. ๒๓๗๗ พระเจ้าแผ่นดินญวน ทรงพระนามว่า “มินมาง”
ทรงประกาศห้ามคนญวนถือศาสนาคริสต์ และโปรดให้จับพวกเข้ารีตมาทารุณต่างๆ
ชาวญวนพวกนี้จึงอพยพเข้าประเทศไทย โปรดให้ไปอยู่จังหวัดจันทบุรีบ้าง
ที่ตำบลสามเสนในกรุงเทพฯบ้าง ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๘๓
กองทัพไทยร่วมกับกองทัพเขมรเข้ารบขับไล่กองทัพญวนที่เข้ามาชุมนุมอยู่ในเขต เขมร
กองทัพญวนตกอยู่ในวงล้อมหลายแห่ง และเกิดโรคระบาดขึ้นในกองทัพ
จึงหนีโรคระบาดออกมาสวามิภักดิ์ต่อเจ้าพระยาบดินทร์เดชาประมาณพันกว่าคน
เจ้าพระยาบดินทร์เดชาจึงส่งเข้าถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงรับไว้แล้วโปรดให้ไปอยู่ที่ตำบลบางโพรวมกับพวกเก่า
ไม่ว่าจะชาวญวนผ่ายไหน อยู่ที่ไหกน
ที่ถือพุทธก็พยายามสร้างวัดขึ้น
ที่ถือคริสต์ก็สร้างโรงสวดขึ้นเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาและลัทธิเชื่อถือ
ด้วยเหตุนี้จึงมีวัดญวน พระญวน
เกิดขึ้นในประเทศไทยสืบต่อมาจนทุกวันนี้
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
Re: สิ่งที่ประเทศไทยต้องเจอในอนาคตอันใกล้
http://www.raven1.net/
Concept diagram, combined voice to skull and Silent Sound
Concept diagram, combined voice to skull and Silent Sound
att- จำนวนข้อความ : 1075
Registration date : 08/10/2008
หน้า 5 จาก 9 • 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9
หน้า 5 จาก 9
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|