ลิขิตฟ้า..หรือ บัญชาจาก 'พระเจ้า'

[ปตัญชลิ]

เนื่องจากมีผู้เรียกร้องมาเป็นจำนวนมาก ว่า ให้ช่วยวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง ตามหลักวิชชาโหราศาสตร์เพื่อเป็นวิทยาทานเพื่อจะได้นำไปศึกษาค้นคว้าประกอบข้อมูลทางประวัติศาสตร์ แม้ว่าจะพยายามเลี่ยงไม่อยากที่จะนำเสนอข้อมูลส่วนนี้ออกสู่สาธารณชนนัก แต่ก็ทนความเร่งเร้าและกระแสเรียกร้องของท่านที่ใฝ่รู้และรอคอยทั้งหลายไม่ได้

ดังนั้น บทความเชิงวิเคราะห์ทางวิชชาการโหราศาตร์-ดาราศาสตร์ กับสถานการณ์บ้านเมืองส่วนนี้จึงเกิดขึ้น แต่ต้องย้ำเตือนกับผู้ที่ต้องการศึกษาทั้งหลายว่า ข้อมูลทั้งหมดจะเป็นไปในทางวิชาการ ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทั้งนี้เพื่อให้ใช้ในการอ้างอิงศึกษาในอนาคตต่อไป

หลักการวิเคราะห์ ::: จะใช้หลักโหราศาสตร์ขั้นพื้นฐาน กระแสแรงสัมพันธ์ระหว่างดวงดาว อิทธิพลของภพเรือนหลัก ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ยากเกินไปสำหรับผู้ที่ไม่ได้ศึกษามาก่อน แต่สำหรับผู้ที่มีความรู้โหราศาสตร์เป็นพื้นฐานอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นโหราศาสตร์ไทยสุริยาตร์ นิรายนะ หรือ โหราศาสตร์สากล ระบบศูนย์รังสี ก็สามารถนำไปต่อยอดได้โดยง่าย แผนที่ดาราศาสตร์ที่นำมาใช้สนธิดวง จะนำมา 2 เหตุการณ์คือ เหตุการณ์วันโปรดเกล้าฯ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ เหตุการณ์วันประกาศปฏิวัติประชาชน ของ นปช.(คนเสื้อแดง)
หัวข้อวิเคราะห์ คือ "จะเกิดอะไรกับประเทศชาติต่อไปในอนาคต"

[ปตัญชลิ]

ก่อนอื่นใดต้องตรวจสอบก่อนว่า แผนที่ดาราศาสตร์ ที่สนธิออกมาเป็นรูปดวงนั้นถูกต้องตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้องไม่ผิดพลาดจากความเป็นจริง ก่อนที่จะวิเคราะห์วิจารณ์ต่อไป
เมื่อ สนธิ วันเวลา ของเหตุการณ์โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องไปดูที่ ช่องหมายเลข7 อันหมายถึงผู้อุปถัมภ์ หรือ หุ้นส่วน ผู้มีส่วนได้เสีย จะเห็นได้ว่าในช่องหมายเลข7 มีอาทิตย์(วงกลมสีแดงมีจุดกลาง) หมายถึงประมุข มีอังคาร(เครื่องหมายเพศชาย) หมายถึงกองทัพ ทั้งสองดาวนั้นมีพลูโต(คล้ายตัวP) หมายถึงอนุรักษ์นิยม และพุทธ(คล้ายเด็กไว้แกละ หมายถึง สมอง ความคิด อุดมการณ์) เมื่อแปลสรุปจาก 4 ดวงดาวในช่องที่7 ก็จะเป็นภาษามนุษย์ว่า ผู้อุปถัมภ์ให้เกิดการแต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯ โดยคณะทหารที่มีความคิดอนุรักษ์นิยม อันนี้ถูกต้องตรงความเป็นจริง

เมื่อตรวจสอบดูว่าแล้วการโปรดเกล้าฯ ดังกล่าวใครเป็นคนอุปถัมภ์ ก็ตรวจต่อไปว่ามีปฏิบัติการ หรือติดต่อกันมาอย่างไร ใครเป็นตัวประสานให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นขึ้น

การติดต่อสื่อสาร จะใช้ความหมายจากอิทธิพลของภพที่ 3 ทางโหราศาสตร์เรียกว่า "สหัสัชชะ" แปลว่าการติดต่อ สื่อสารให้สามารถอาจรู้เป้าหมายได้ ในที่นี้ก็ต้องพิจารณาช่องที่ 3 เห็นว่ามี จันทร์อยู่ในนั้น(เครื่องหมายจันทร์ครึ่งเสี้ยว) หมายถึงหญิงขาวท้วมหรืออ้วน จันทร์ ณ เวลานั้นอยู่ในราศีสิงห์เป็นราชาโชค แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจใหญ่กว่าอาทิตย์ เพราะราศีสิงห์เป็นราศีของอาทิตย์แต่อาทิตย์ ณ เวลาดังกล่าวได้ดับแสงไปแล้ว เนื่องจากอาทิตย์ได้จรเข้าเสวย มรณะนวางค์ หรือ นวางค์แห่งการแตกดับอยู่ที่ราศีพิจิก แสดงว่าอาทิตย์เจ้าของราศีสิงห์ไม่มีอำนาจ แต่จันทร์กลับมีอำนาจยิ่งกว่า และจันทร์นี้เป็นจันทร์ที่ได้รับพลังเสริมทางลบจากเกตุหมายถึงความคิดแหกคอก ผิดศีลธรรม (เกตุ เครื่องหมายโอเมก้ากลับหัว) ซึ่งขณะนั้นอยู่ในราศีกรกฏอันเป็นราศีที่เป็นเกษตรของจันทร์(ที่อยู่ของจันทร์) จึงเป็นวินาศนะกับจันทร์ซึ่ง ณ เวลานั้นจรไปอยู่ในราศีสิงห์ แปลความหมายโดยรวมว่า หญิงที่มีความวิปริืต หรือ หญิงไม่มีศีลธรรม ผู้ไม่คำนึงถึงขนบธรรมเนียมประเพณี แต่มีอำนาจบารมี เป็นผู้ประสาน หรือทำให้เกิดการกระทำใด ๆ อันทำให้เกิดผลการโปรดเกล้าฯ ให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

[ปตัญชลิ]

ต่อไป ก็ต้องตรวจว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ ถูกต้องตามหลักปฏิบัติ(หลักวิชาการ หรือระบอบการปกครองประชาธิปไตย) ที่สังคมยอมรับโดยปกติวิญญูชนวิสัยได้หรือไม่ ในที่นี้ต้องพิจารณาที่ พฤหัส(เครื่องหมายคล้ายเลข4 สีเขียว) ณ เวลาดังกล่าวอยู่ที่ช่องหมายเลข 8 เรียกว่า มรณะ แปลว่าตาย พฤหัสหมายถึงนักวิชาการ หลักการ ความยุติธรรม ความถูกต้อง ปัญญา จริยธรรม เมื่อเข้าไปสู่สภาวะแห่งความตาย(พฤหัสเข้ามรณะ) หมายถึง ความดับสูญแห่งความถูกต้อง ความดับแห่งปัญญา ความสิ้นสุดแห่งความยุติธรรม สรุปคือ เป็นช่วงเวลาแห่งอวิชา ยิ่งไปกว่านั้น ดาวกระจาย(อยู่ในช่อง9) หมายถึงภาวะแห่งการกระจายตัวของอวิชา ความอยุติธรรม ความไร้ซึ่งปัญญา ความมืดมนและไร้ทางออก กระจายตัวไปทั่ว หรือ

อีกนัยหนึ่ง เป็นภาวะแห่งการทีไม่สามารถจะแสดงความยุติธรรม ความถูกต้อง ให้กระจายหรือรับรู้ได้ เป็นเรื่องของการปิดบังซ่อนเร้นความจริง นี่คือที่มาแห่งคำว่า สองมาตรฐาน คือ ลักษณะดาวเช่นนี้ ที่ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ จะเห็นว่า ดาวพุทธ(เหมือนเด็กแกละสีเขียว)จะอยู่ราศีเดียวกับพฤหัสคือราศีธนู แต่แยกเรือนกันอยู่ คือ พฤหัสไปอยู่ที่มรณะ แต่ พุทธอยู่ที่ปัตนิ คำแปลในความหมายนี้ก็คือ เอกสาร คำสั่งใด ๆ ย่อมไม่เป็นไปโดยหลักความยุติธรรม หรือ ความถูกต้อง แต่เป็นไปเพื่อการอุปถัมภ์บุคคลที่ได้รับตำแหน่งเป็นนายกเท่านั้น (พฤหัสเป็นมรณะ=ความยุติธรรมตาย ความถูกต้องตาย นักวิชาการตาย แต่เมื่ออยู่ร่วมกับพุธในราศีเดียวกันทำให้ต้องออกคำสั่ง หรือสื่อสารไปเพื่ออุปถัมภ์บุคคลที่กองทัพ=อังคาร และอาทิตย์อุปถัมภ์แต่งตั้งขึ้นมา)
ต่อมาดูพฤติกรรม หรือ ชื่อเสียง ในที่นี้ต้องดูช่องที่ 9 จะเห็นว่า มีดาวศุกร์(เครื่องหมายผู้หญิง) ร่วมกับราหูเกือบสนิทองศาทางโหราศาสตร์เรียกว่ากุมกันสนิท ลักษณะนี้เรียกว่าหนี้สิน หรือการฉ้อโกงคอรัปชั่น หรือการปล้นทรัพย์ เพราะราหูแปลว่าโจร ศุกร์แปลว่าการเงิน การธนาคาร เศรษฐกิจ เมื่อศุกร์รวมราหูก็คือการปล้นทรัพย์ หรือฉ้อโกง หรือการได้มาโดยทุจริต เมื่อแปลเป็นภาษามนุษย์จะได้ใจความว่า รัฐบาลและ/หรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจะมีชื่อเสียงทางฉ้อโกง สร้างหนี้สิน หรือทุจริตคอรัปชั่น ในที่นี้ ช่อง(ภพ)ที่ 9 ยังหมายถึงตำแหน่ง เมื่อดาวราหูเข้าไปอยู่ในภพนี้ จึงหมายความว่า ตำแหน่งที่ได้มานั้นได้มาโดยการปล้นหรือฉ้อโกง และเมื่อพิจารณาทางความสัมพันธ์โยคเกณฑ์ ก็จะเห็นว่าผู้สนับสนุน(โยคหลัง=นับถอยหลังไป3ช่อง=ช่องที่7)ให้เกิดการฉ้อโกง ก็คือดาวอังคาร=กลุ่มทหาร และดาวอาทิตย์เป็นผู้ที่ใช้คำสั่ง(ดาวพุทธ=เสียง=โหวต) เป็นอาวุธในการปล้น หรือฉ้อโกงตำแหน่ง

[ปตัญชลิ]

ต่อนั้นให้ดูที่อำนาจของตำแหน่งที่ได้รับ ในที่นี้ให้ดูที่ตัว G (Great) หรือจุดจักพรรดิ์ หมายถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ ปรากฏว่าไปอยู่ในจุดวินาศนะ(ช่องที่12) ความหมายคือ มีอำนาจที่มองไม่เห็นควบคุมอยู่สองชั้น สรุปรวมคือไม่มีอำนาจ ไม่อาจตัดสินใจด้วยตัวเอง เป็นลักษณะของความมีอำนาจอยู่ในถ้ำ เหมือนเสือละครสัตว์ที่มีสภาพเป็นเสือโดยหนัง แต่มีหน้าที่ดุ และกระโดดแสดงให้น่ากลัว เพื่อประโยชน์ของเจ้าของละครสัตว์

ทั้งนี้ก็เพราะว่าในช่อง(ภพ)ที่1 จะเห็นได้ว่าว่างเปล่า นั่นหมายถึงว่าในความเป็นจริง สภาวะการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกฯ นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หรือไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงภาพเหตุการณ์ภาพหนึ่ง ซึ่งได้ถูกจัดขึ้นและให้เป็นไป คล้ายกับการสร้างภาพยนต์เรื่องหนึ่งโดยผู้กำกับเขียนบท ถ่ายทำ โดยมีนายอภิสิทธิ์เป็นตัวละครเอก แม้แต่คำพูด(ดาวพุทธ)การกระทำ(ดาวอังคาร) ก็ถูกกำหนดบทบาทไว้ เพียงเพื่อประโยชน์ของเจ้าของหนังที่นำออกมาฉาย ผู้ชมหรือประชาชน(ช่องที่4)คือ ดาวเสาร์(เครื่องหมายคล้าย ท.ทหาร) ซึ่งเป็นผู้รับชม จะต้องรับภาระ(จ่ายค่าเข้าชม)ด้วย ความเจ็บปวด ทุกข์เวทนา(เครื่องหมายตาขอ) อารมณ์ จากภาพยนต์ที่นำมาฉาย รายได้ก็เป็นของเจ้าของหนัง และผู้กำกับ

และที่สุดก็คือ นายกอภิสิทธิ์ คือผู้ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จะได้รับผลดี =ประสพความสำเร็จในการบริหารหรือไม่ ก็ให้ดูช่องที่5 (ความสำเร็จ) จะเห็นว่ามีดาวมหันตโทษ(เครื่องหมายตัว T) นั่นก็คือ สิ่งที่นายอภิสิทธิ์จะได้รับคือ ความหนักหนาสาหัส สารพัดปัญหาที่จะเกิดขึ้น

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น คือการพิจารณาอย่างพื้นฐาน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องระหว่างเหตุการณ์กับดวงดาวว่าสามารถถอดความหมาย ตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ หากไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็มิต้องพักกล่าวถึงอนาคตว่าจะเกิดอะไร เหมือนหมอหาสมุหฐานโรคไม่ได้ ก็ย่อมจะจ่ายยาให้ไม่ถูกและอนาคตคนป่วยก็ตาย เพราะวินิจฉัยโรคผิด การพิจารณาดวงดาวตามที่กล่าวมานั้น ไม่ได้ยกมาทั้งหมดทุกดาว แต่มั่นใจว่าท่านที่ได้ศึกษามาบ้างเป็นพื้นฐาน ก็จะขยายความในเชิงลึกรู้จุดอ่อนแข็งได้ สำหรับผู้ที่ไม่เคยศึกษามาก่อน ก็สามารถเอาตำราไหน ๆ ก็ได้มาเทียบเคียงโดยใช้ดวงดาว และ ภพ ตรวจสอบก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก นี่เรียกว่าดูภูมิเดิม


ต่อไปเราจะเข้าสู่ตัวคำถามที่จะวิเคราะห์ว่า "จะเกิดอะไรกับประเทศชาติต่อไปในอนาคต ?"

[ปตัญชลิ]

การที่จะสามารถทราบได้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นได้นั้น จะต้องนำเอา วัน และ เวลา ของ 2 เหตุการณ์มา "สนธิ" เพื่อหาปฏิกริยา บวก/ลบ คือ ส่งผลสนับสนุน หรือทำลาย อย่างไร โดยอะไร และสิ่งนั้นจะมีผลต่อมวลชนโดยรวมได้อย่างไร ซึ่งไม่ผิดกับวิชาเคมี คือ H 2 O ต้องมีปฏิกริยาแปลสภาพเป็น "น้ำ" โหราศาสตร์ที่แท้จริงก็คือหาปฏิกริยาทางปฏิสาร ของการกระตุ้นโดยกระแส และการหาค่าผกผันที่จะเกิดขึ้น

ในที่นี้จึงนำเอาแผนที่ดาราศาสตร์วันโปรดเกล้าฯ นายกอภิสิทธิ์ กับ 10เมษาสังหาร มาสนธิ เป็นพฤติเหตุ อันก่อให้เกิดพฤติกรรม และจะเป็นผลสรุปให้เราได้ทราบต่อไป โดยพิจารณาควบพร้อมกันไปทั้ง 2 ดวง คือ

วงกลมด้านในจะเป็น ดวงของวันเวลาโปรดเกล้าฯ ส่วนดวงด้านนอกจะเป็นดวงวันเวลา รัฐส่งทหารเข้าปราบวันที่10 เมษายน 2553

สำหรับการพิจารณาหาผลสรุป สามารถใช้จากตำราทุกแขนงไม่ว่าไทย สากล หรือ ระบบ10 ลัค และศูนย์รังสี จะมีผลตรงกัน (เหมือนH2O ไม่ว่าจะผสมกันวิธีไหนก็เป็นน้ำ) เพื่อท่านที่สนใจใฝ่ศึกษาหาความรู้ จะได้ต่อยอดและอ่านอนาคตประเทศไทยในส่วนที่ไม่ได้กล่าวถึงไว้ ณ ที่นี้ได้โดยสะดวกทั่วกัน

[ปตัญชลิ]

กรณีของการเกิดเหตุวันที่ 10 เมษายน 2553 เราจะต้องตรวจสอบว่า แผนที่ทางดาราศาสตร์ที่นำมาสนธินั้น ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ก่อนที่จะพิจารณาในประเด็นอื่นต่อไป

โดยพิจารณาจากวงกลมภายนอกก่อน โดยเริ่มที่ต้นเหตุ (เครื่องหมายตัวS)หรือ จุดปะทะก่อนซึ่งอยู่ในช่องที่ 4 อันมีความหมายถึง การขยายตัว การกระจายออกไปโดยรอบ การทวีคูณ ตัว S (จุดStart อยู่ที่ 17องศาราศีสิงห์ ซึ่งส่งผลให้เป็นเหตุใหญ่โต อันเป็นจุดกระตุ้นต่อเนื่อง อันชักนำให้ผู้คนมีความดำริตริตรอง จนเกิดความคิดเห็นในอันที่จะสร้างสรรงานที่กระทำอยู่นั้นให้ดำเนินไปสู่จุดสำเร็จได้ด้วยสถานการณ์นั้นเอง)

ในช่องเลข 11 ดังกล่าวมีดาวเสาร์(เครื่องหมายคล้าย ท.ทหาร) หมายถึงมวลชน และ จุดจักพรรดิ์(ตัว G) หมายถึงความยิ่งใหญ่ แปลได้ความว่า เหตุเกิด ณ ตำแหน่งที่มีมวลชนมาชุมนุมกันจำนวนมากมายมหาศาล ตรงกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น

ต่อจากนั้นเราก็ตามไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์นั้น จะเห็นได้ว่า มีดาวทุกข์โทษ(เครื่องหมายตัว T) อยู่ในช่องที่ 5 (ซึ่งนับเป็นช่องที่ 2 จากตัวที่ S(Start) อยู่ คือการได้มาหรือผลของสิ่งที่เกิดขึ้น) ตัว T (ทุกข์โทษ)เมื่อมาอยู่ตรงนี้มีความหมายว่า ความทุกข์เวทนา เจ็บปวด สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน จะเป็นสิ่งที่จะได้รับ ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเกือบพันคน

จากการตรวจแบบพื้นฐาน สรุปได้ความว่า อิทธิพลและกระแสของดวงดาว ส่งผลตรงตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้นเราจึงจะเข้าสู่ภาคของผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าจะเป็นเช่นไรต่อไป

[ปตัญชลิ]

เราคงยังอยู่ที่ช่อง 5 จะเห็นว่าทั้งวงในและวงนอกมีตัว T หรือทุกข์โทษ อยู่เหมือนกันทั้งองศาก็ใกล้เคียงกัน วงในคือวันที่นายอภิสิทธิ์ได้รับโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งนายกฯ ซึ่งระบุชัดว่า จะเป็นผู้นำมาซึ่งความทุกข์เวทนาแก่ปวงประชาชน ก็เพราะดาววงใน ตัว T เป็นตำแหน่งที่2 เมื่อนับจากช่องที่4 นั่นหมายถึงความทุกข์ที่แผ่ขยายตัวไปสู่ประชาชน โดยสภาพของหนี้สิน(ดาวเสาร์=ตัว ท.ทหาร) จึงจะเห็นว่าเพิ่มภาระโดยการกู้ และรัฐบาลอภิสิทธิ์จึงได้ประสบปัญหาการเดินขบวนต่อต้านมาตลอดโดยปัญหาเดิม เรื่องเดิม=ตัว T อยู่ในตำแหน่งเดียวกันทั้งวงในและนอก(ร่วมนวางค์กันอีกด้วย=ซวย 2 ชั้น)

ตรงนี้นับว่าเป็นจุดอ่อนหรือจุดตายของรัฐบาลที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ คือ เรื่องที่เป็นประโยชน์จะไม่มีโอกาสได้ทำ แต่จะทำเฉพาะสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์(T=Trouble) และเหตุการณ์ที่เกิดก็มีมูลเหตุมาจากการกระทำของนายอภิสิทธิ์นับตั้งแต่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายก(ตัวT วงในทับกับตัวT วงนอก) จึงเป็นตัวปัญหาที่ไม่อาจแก้ไข=จุดด้อยถาวร

สิ่งที่ควรพิจารณาต่อไป คือ การได้มาซึ่งอำนาจในอนาคต ให้พิจารณาช่องที่2 วงนอก จะเห็นดาวอังคาร(เครื่องหมายเพศชาย) หมายถึงทหาร กองทัพ ดาวเกตุ(เครื่องหมายโอเมก้ากลับหัว) หมายถึงสิ่งเก่า อนุรักษ์นิยม ดาวมหาอำนาจ(เครื่องหมายวงกลมมีกากะบาด)

รวมความหมายว่า การจะรักษาอำนาจอันยิ่งใหญ่ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ จะต้องใช้กองทัพหรือกำลังทหารพร้อมอาวุธ(อังคาร=อาวุธ) เพื่อทรงไว้ซึ่งระบบฐานอำนาจเก่าของตนไม่ให้สูญไป นั่นหมายถึงการใช้กำลังอาวุธเข้าประหัตประหาร และผลักดันให้ฝ่ายมวลชนที่เคลื่อนไหวกลายเป็นพวกใต้ดินหรือผู้ก่อการร้าย(ตัว M ช่อง12 หมายถึงแกนนำ-มวลประชาชนที่ชุมนุม จะกลายเป็นกลุ่มปฏิบัติการใต้ดิน หรือกองกำลังนอกกฏหมาย เพราะช่อง12 =วินาศนะ=ซ่อนเร้น ปิดบัง ไม่เปิดเผย นอกกฏหมาย) นี่คือสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในอนาคต ที่ประเทศไทยจะต้องแบ่งฝ่ายฆ่ากันอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

[ปตัญชลิ]

ต่อคำถามที่ว่าใครเป็นผู้สนับสนุน ให้กองทัพ หรือ ทหาร ถืออาวุธเข้าปราบปราม ก็ต้องไปดูที่ช่องเลข 8 หากนับจากช่องที่2 จะได้ 7 ช่องพอดี (ให้ดูที่วงนอก) จะเห็นว่ามีดาวจันทร์(เครื่องหมายจันทร์ครึ่งเสี้ยว)หมายถึงหญิงอ้วนท้วมขาว กับ ราหู(เครื่องหมายโอเมก้า) อวิชา ความเห็นผิด อธรรม ดาวสองดวงนี้กุมกันสนิทเรียกว่าจันทร์เสียเพราะราหูเข้าทับดาวจันทร์ทำให้เกิดคราสคือความมืดหมายถึงอวิชา การเห็นผิดเป็นชอบ อาจจะกล่าวได้ว่าเกิดจากความเชื่อทางด้านไสยดำ ก็ได้ โบราณเรียกว่า "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว "

ซึ่งดาวทั้งสองนี้จะเล็งกับดาวอังคาร = สนับสนุน หรืออุปถัมภ์ ให้อำนาจอิทธิพล แปลได้ใจความว่า หญิงอ้วนขาวที่เห็นผิดเ็ป็นชอบ เป็นตัวที่ให้อำนาจและอิทธิพลแก่ทหารหรือกองทัพดำเนินการด้วยอาวุธ ทั้งยังไปกุมกับดาวพฤหัส(เครื่องหมายคล้ายเลข4 วงใน) พฤหัสหมายถึงความยุติธรรม ความมีศีลธรรม ปัญญาชน และความถูกต้อง ทำให้ทั้งระบบแห่งความยุติธรรมและความถูกต้องถูกอำนาจดาวจันทร์ที่มืดมิดครอบคลุม เกิดความไขว้เขว ไม่เป็นไปตามวิญญูชนควรกระทำโดยสิ้นเชิง ชนิดกลับตาละปัด ถูกเป็นผิด ขาวเป็นดำ ก็จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง และเป็นประหนึ่งธรรมชาติปกติที่ไม่แคร์ต่อภาพพจน์ที่เสียหาย หรือการกล่าวร้ายในอนาคต และนี่คืออิทธิพลที่ดาวจันทร์ถูกราหูกุมสนิทนวางค์ ทั้งยังคุมพฤหัสซ้ำ (ท่านที่ศึกษาโหราศาสตร์มาแล้วควรบันทึกข้อมูลนี้เก็บไว้เป็นหลักพิจารณาในอนาคต) ซึ่งร้ายยิ่งกว่า "ฆาต" หรือ "พินธุบาท" เสียด้วยซ้ำไป

แต่เนื่องจากว่า ดาวจันทร์และดาวราหูนั้นอยู่ในช่องที่ 8(วงนอก) เรียกว่าภพมรณะ นั่นหมายถึงการกระทำดังกล่าว สามารถอ่านความหมายได้ว่าคือการสิ้นสุด หรือการฆ่าตัวตาย หรือการดิ้นรนครั้งสุดท้ายก่อนตายก็ได้

[ปตัญชลิ]

:::: ผลที่ตามมากับประเทศใน อนาคตอันใกล้ :::

1. การเจริญเติบโตขยายตัวของพลังมวลชนในแนวความคิดใหม่ จะกลายเป็นจุดหลักในการเปลี่ยนแปลงระดับมหัพภาค(Great+เสาร์+Start =ช่องที่4=พันธุ)

2.การเปลี่ยนแปลงระดับผู้นำประเทศ จะถูกเปลี่ยนแปลงด้วยระบบหรือกฏเกณฑ์ที่จัดทำขึ้นใหม่ ด้วยความเป็นธรรมและสมดุลยภาพ(อาทิตย์+พุทธ+พฤหัส) อย่างฉับพลันทันทีเหมือนการระเบิดของแก๊ส(เครื่องหมายฮีเรี่ยม) ทั้งหมดที่กล่าวคือความหมายของดาวในช่องเลข10 วงนอก ซึ่งจะเห็นว่าตัวฮีเรี่ยม(แก๊ส) มีอยู่ในช่อง10 วงในอยู่แล้ว เรียกว่าเชื้อประทุมีอยู่ก่อนพร้อมระเบิด ก็ประจวบเหมาะในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 คือการระเบิด(อาทิตย์ คือไฟ + ฮีเรี่ยมH คือแก๊ส=ระเบิด หรือเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันทันที)

3.โดยระยะเวลาโคจรของดาวราหู และ ดาวเสาร์ จะเนิ่นนาน นั่นหมายถึงสถานการณ์จะบานปลาย และรุกลาม ไม่อาจสามารถหยุดยั้งได้ ตราบเท่าที่ดาวเสาร์ยังโคจรอยู่ในราศีกันย์ และราหูจะเข้าสู่ราศีกุมภ์ซึ่งซ้ำหนักกว่าเดิม เหมือนลิงพันแห ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง

หมายเหตุ :::: สำหรับท่านที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ คงเนื่องมาจากการไม่สันทัดในส่วนของเครื่องหมาย แต่การตีความต่าง ๆ นั้น ทุกท่านสามารถใช้มาตรฐานของตำราใด ๆ ในเรื่องเรือน ภพ กุม โยค ก็จะสามารถกระจ่างในส่วนที่ไม่ได้บรรยายไว้ ณ ที่นี้ แต่คิดว่าคงเป็นแนวทางที่จะชี้ให้เข้าถึงศาสตร์อันเป็นลิขิตของฟ้า ได้อย่างไม่ยากเกินไปนัก

[ปตัญชลิ]

สิ่งที่จำเป็นต้องกล่าวถึง และถือว่าเป็นตัวชี้วัด ความล่มสลาย ความอยู่รอด ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ นั่นก็คือ ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการสลายชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้า สี่แยกคอกวัว ในเวลานั้นแกนนำคนเสื้อแดงบนเวทีได้ " ประกาศปฏิวัติประชาชน " ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์สำคัญ ที่สมควรนำมาศึกษาและวิเคราะห์เป็นอย่างยิ่ง คือ

เมื่อนำเวลาดังกล่าวมาสนธิ ด้วยคัมภีร์ปราบไตรภพ ฉบับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช(เป็นคัมภีร์ใช้สำหรับการยกทัพ หรือการสงครามโดยเฉพาะ) จะเห็นลักษณะการโคจรของดาวดังนี้

[ปตัญชลิ]

ลัคนาของเหตุการณ์(ตัวคล้าย ญ หญิง) สถิตย์ราศีเมษ อันเป็นราศีของทหารคือดาวอังคาร(เลข๓) และเป็นแม่ราศีทวารแห่งธาตุทั้ง๔ แสดงให้เห็นว่า ผลของประกาศทำให้มีอำนาจเหนือกองทัพหรือทหาร อย่างถาวร (เพราะประกาศในขณะที่ดาวอังคาร(๓) ดับ ในราศีกรกฏ

ซึ่งในขณะเดียวกัน ดาวอังคาร(๓)=กองทัพหรือทหาร จรไปเป็นนิจ(นิจ แปลว่า ดับสูญ)ในราศีกรกฏ หมายถึงทหารไม่มีอำนาจ แม้ว่าจะไปอาศัยอยู่กับดาวจันทร์ซึ่งเป็นเกษตร(เกษตร=มีอำนาจสมบูรณ์) ก็ตาม แปลความหมายว่าแม้ว่าจะมีหญิงอ้วนขาวท้วมที่มีอำนาจสมบูรณ์ให้การหนุนอำนาจทหารอยู่ แต่เนื่องจากอังคาร(ทหาร กองทัพ เป็นนิจ=ดับ) จึงทำให้ดาวจันทร์ซึ่งมีอำนาจสมบูรณ์นั้นเสื่อมถอยจากอำนาจอันเคยมี คือกลายเป็นการทำลายตัวเองไป และเป็นการเสื่อมถอยอย่างถาวร(เกษตร=ถาวร) เมื่อดับ จึงเป็นการดับอย่างถาวร หรือ ดับอนาถ

[ปตัญชลิ]

ในส่วนต่อมาคือ ดาวเสาร์(เลข๗)กุมดาวราหู(เลข๘) เสาร์=มวลชน ราหู=อำนาจมืด เป็นวินาศนะกับลัคนา นั่นหมายถึงมวลชนสามารถทำลายอำนาจมืดได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ หรือ อำนาจมืดที่เคยมีไม่อาจจะปิดบังหรือใช้ให้เกิดผลต่อไปได้ หรือ ความชั่วหรืออำนาจมืดถูกประชาชนเปิดเผย จึงไม่สามารถแสดงผล หรือใช้ได้อย่างที่เคยเป็น(วินาศนะแปลว่าไม่อาจแสดงผลอย่างเปิดเผย)

ชัยชนะของมวลชน จะอยู่ที่การนำความลับหรือสิ่งชั่วร้ายใด ๆ ที่ได้กระทำไว้ในอดีตเก่า ๆ จะ ถูกนำมาเปิดเผยต่อมวลชนเพื่อต่อต้านอำนาจมืด

นี่เป็นการอ่านตีความจากดาวเกตุ(เลข๙) หมายถึงเรื่องราวเก่า ๆ ในอดีต เรื่องอนุรักษ์นิยม อยู่ร่วมกับ ดาวพุทธ(เลข๔) หมายถึง คำพูด ข่าวสาร ข้อมูล เข้าไปอยู่ในราศีของดาวเสาร์(เลข๗) หมายถึงมวลชนเล็งกันกับดาวจันทร์(เลข๒) และดาวอังคาร(เลข๓คือกองทัพ,Action เป็นนิจ คือทำไรไม่ได้ ไปไม่เป็น)

จึงแปลได้โดยสรุปรวมว่า ชัยชนะที่เกิดขึ้นจะเกิดจากการนำข้อมูลออกเผยแพร่สู่มวลชน เพื่อสยบให้ดาวอังคารไม่สามารถActionได้ดั่งที่เคยเป็นมาในอดีต

การเปลี่ยนแปลง และการเข้าสู่จุดอัปยศพ่ายแพ้ของ ดาวจันทร(๒) และดาวอังคาร(๓) จะถูกแก้ไขโดยดาวมฤตยู(๐) นั่นคือการปฏิวัติเท่านั้น...!!

[ปตัญชลิ]

สรุป :::
การเปลี่ยนแปลง หรือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นแบบเฉียบพลันทันทีชนิดคาดไม่ถึง แต่จะเป็นไปอย่างถาวร และจะไม่มีการหวลกลับคืนมาเป็นอย่างที่เคยเป็นอีกเลย (อ่านจาก ดาวจันทร์เป็นเกษตร=ถาวร กุมอังคาร=ทหาร เป็นนิจ=ดับหมดอำนาจ มีดาวมฤตยู=ดาวปฏิวัติเปลี่ยนแปลง แบบระเบิดลง คือตูมเดียวหาย)

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เพื่อให้นักโหราศาสตร์และผู้สนใจใฝ่รู้ จะได้บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ สำหรับบางท่านที่อาจมีข้อสงสัยลึก ๆ อยู่ในใจว่า ...นี่เป็น ลิขิตของฟ้า หรือ อาญาจาก " พระเจ้า " กันแน่ ก็ขอให้ติดตามเหตุการณ์ไม่นานเกินรอ จะได้คำตอบนี้อย่างกระจ่างด้วยตัวท่านเอง

หมายเหตุ ::::
สำหรับท่านที่ใฝ่ในการศึกษาค้นคว้าด้านโหราศาสตร์พึงทราบว่า ในการวิเคราะห์เรื่องการสัปยุทธ สงคราม หรือ การรบที่หวังผลแพ้ชนะนั้น จะต้องใช้คัมภีร์เฉพาะเหมือนกับการถากหญ้าย่อมไม่ใช้กระบี่ ฉะนั้นท่านที่ต้องการจะรู้ผล หรือความเป็นไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ต้องใช้ตำรา และคัมภีร์เฉพาะส่วนนั้น ๆ เป็นเครื่องมือในการพิจารณาอ่านวิเคราะห์จึงจะตรงต่อความเป็นจริงที่เกิดขึ้น หรือที่จะเกิดต่อเนื่องจากผลในปัจจุบันนั้น ๆ ได้อย่างไม่ผิดพลาด

[MI-6]

ขออนุญาต เขียนความคิดเห็นค่ะ

๑ การทำนายตามหลักโหราศาสตร์ ไม่ว่าหลักใด ก็คงคล้ายกัน ตรงที่ นำตำแหน่งสัมพันธ์กันของดาว ในแต่ละเวลา วางลงในภพ ต่างๆ ๑๒ ภพ แล้วประมวลผล เปรียบเทียบกับเหตุการณ์ ซึ่งก็คือ เป็นการแปลความ ความแม่นยำ ของผู้ทำนาย อยู่ที่การตีความ ว่าจะถูกต้องตรงกับ แต่ละช่วงเวลาอย่างไร หากเป็นบุคคล ก็คือ จะต้องทราบวงจรชีวิตของบุคคล ที่ทำนายให้เขาด้วย จึงจะทำนายได้แม่นยำ

๒ ในเรื่องความละเอียด หลักวิชา และ ความแม่นยำของท่านผู้วิเคราะห์ (ท่านเจ้าของกระทู้) ก็มิบังอาจจะก้าวล่วงในหลักวิชาของท่าน เพราะท่านเป็นชั้นครู

๓ ที่จะขอมองต่างก็คือ คำว่า ปฏิวัติภาคประชาชน ซึ่งเป็นคำที่แกนนำบนเวที อาจพูดขึ้นมา (ใช้คำว่าอาจ เพราะมิได้รับฟังในตอนที่เขาปราศรัย) คำนี้คือคำที่ รู้สึกตะขิดตะขวงใจ

ในช่วงสงกรานต์ ได้ดูหนังเรื่อง มังกรสร้างชาติ เป็นหนังจีนอิงประวัติศาสตร์ เขานำประวัติศาสตร์ช่วงก่อนเกิด ประธานเหมา ฯ นั่นคือ ต่อเนื่องจากที่มีพรรคก๊กมินตั๋ง ของ ดร.ซุน ยัด เซน มาจนถึงเหตุการณ์ เดินทางไกลหมื่นลี้ ของกองทัพประชาชนจีน ซึ่งค่อนข้างสะท้อนคำว่า ปฏิวัติภาคประ
ชาชน ได้ชัดเจน และ เป็นรูปธรรม มากกว่า เหตุการณ์วันที่ ๑๐ เมษายน ที่ผ่านมา

หากให้เขียนด้วยความคิดส่วนตัวก็ยังมองว่า มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดจากเนื้อในใจคนแบบแท้ๆ ไม่ใช่การเรียกร้อง เพื่อประชาชนโดยตรง แต่มันมีที่มาจากการเรียกร้อง เปลี่ยนคณะบริหาร จากทุนนิยม ไปอีกทุนนิยม ซึ่งทุนนิยมหลัง มีวาระซ่อนเร้นอยู่ เราอาจมองภาพ หน้าเหลี่ยม เป็นทุนนิยมขนานแท้ แต่ในคณะทำงานของเขามีกลุ่มคนที่เป็นสหายอกหัก อยู่ไม่น้อย คนพวกนี้ผิดหวังจากความก้าวหน้า ตอนเข้าป่า ....หรือเปล่า.....ก็เลยกลับกลายมาใส่เครื่องแบบของนายทุน แต่ยังฝักใฝ่ระบบเดิมๆ อยู่ ดังนั้นแนวคิด กับการทำงานที่ปูทางควบคู่ไปกับการทำงานให้ หน้าเหลี่ยม จึงเหมือนกับการสร้างถนนคู่ขนาน เหมือนกับ เป็นจักรวาลคู่ขนานไปด้วยกัน สองระบบเหมือนกับเป็นสองโลกที่มิอาจมาบรรจบกันได้ แต่มันมีพร้อมๆ กัน คนพวกนี้ จะไม่อยู่ในจักรวาลที่ล้มเหลว หากหน้าเหลี่ยม พลิกไม่ฟื้น เขาจะก้าวไปอีกจักรวาลที่มีความพร้อม และ ได้อำนาจแบบเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าจะอยู่ในระบบไหน ก็ล้วนแต่ไม่มีคำว่า อกหักอีกต่อไป

ก็เลยคิดว่า มันติดอยู่แค่คำๆ นี้นั่นแหละ หากมันเข้มแข็ง เป็น ปฏว ภาค ปชช จริง มาแบบเนื้อแท้ ก็คงน่ากลัวตามการวิเคราะห์ แต่หากมันมิใช่ ? แล้วมันจะได้ข้อสรุปอะไร

กราบขออภัยที่อาจเขียนอะไรเลอะเลือน ที่เกินเลยไปบ้างค่ะ

[MI-6]

สาเหตุที่ ยังสับสนกับการกำหนดคำว่า ปฎว ภาค ปชช เพราะมองย้อนกลับไปที่ต้นตอของเรื่อง

การแตกแยกทางความคิดเริ่มมาตั้งแต่ตอน ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ วันที่ SHIN ประกาศขายหุ้นให้เทมาเสค

อาการแตกคอ ของสนธิ ลิ้ม กับ ทักษิณ จะมาจากเรื่องอะไร เรื่องจริงเรื่องเท็จก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าสังคมรับทราบ อาการ กลับหน้ามือ หลังมือ ของสนธิ ลิ้ม และ รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ หรือ รายวันนี่แหละ ที่เคยอุ้มทักษิณ กลายเป็น ย่ำด้วยสหบาทา

ต้นตอตอนนั้นอาจมีอะไร ซ่อนใต้พรม What lies beneath ? เหมือนชื่อหนัง เราไม่ทราบ

ผู้มีอำนาจตัวจริง (ใคร อยู่ที่ไหน สักแห่ง ในจักรวาลนี้) อาจต้องการเปลี่ยนตัวละครกะทันหัน หรือ ...

แล้วก็เกิดอาการ แตกคอกันทุกแห่งหน มาเรื่อยๆ จากตอนแรก คนเกลียดทักษิณ เท่านั้นที่เด่นชัด ควรใช้คำว่าเกลียดระบบทักษิณมากกว่า สองปีกว่า เกือบสามปี ที่คนรักทักษิณ ยังไม่มีบทบาท เด่นๆ แต่แฝงลึกๆ ทุกวงการ แม้แต่ในครอบครัว ยังมีสองแนวทาง แล้วก็ไม่มีวันจะรวมกันด้สนิท

การเกิดอาการแดงเด่นชัด ปีที่แล้วเอง แล้วก็มาปีนี้

คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งอาจไม่ได้รักทักษิณ แต่เขารักระบบทักษิณ และเชื่อว่าทักษิณจะสามารถบริหารงานในแบบที่เขาพอใจได้ เขาชอบในสิ่งที่จะได้รับ แล้วก็เลยกลับกลายมาเป็น สิ่งที่เรียกกันว่า เสียงเร้อง ของ ปชช

ซึ่งส่วนตัวคิดว่า มันไม่ได้มีบ่อเกิดเหมือนกับ การ ปฏว ภาค ปชช ที่เคยเห็น หรือ ทราบมาในประวัติศาสตร์ของประเทศอื่น รวมทั้งแนวทางการต่อสู้ ป้องกันตัวเองของกลุ่มคนที่กำลังให้ข่าวในขณะนี้ว่า เตรียมกานชนิดสู้ยิบตา และ ไม่เหมือนกับแนวทางของชาวบ้านเลย มันก็เลยทำให้บรรยากาศน่ากลัว และ น่าเสียใจไปพร้อมๆ กัน ในเวลานี้

จากที่มองภาพมาทั้งหมด ก็เลยทำให้ตัวเองไม่อาจจะปักใจได้ว่า นี่คือ สิ่งที่เป็นเสียงร้องของ ภาค ปชช แบบแท้จริง นั่นก็เพราะที่มาของเรื่อง มันไม่เหมือนกับสิ่งทีเขาตั้งชื่อกันไว้เลยค่ะ

[MI-6]

ตอนนี้เป็น เหมือนเพ้อเจ้อ เพราะเริ่มหาทางรอดในมุมอับ โหราศาสตร์ ท่านมีไว้ท้วงติง แล้วก็ให้เราอย่าประมาทไม่ปล่อยตัวตามชะตา โดยให้อกุศลกรรม เป็นฝ่ายมีอำนาจเหนือ

ยกตัวอย่างจากวรรณคดี ที่จำได้เรื่องเดียว ตอนเดียว คือ ตอนที่สร้างกรุงลงกา ของฝ่ายยักษ์ ทำเลที่สร้างกรุงลงกา มีอาทิตย์เป็นประ ดังนั้น คนสร้าง (ยักษ์ หรือ เทวดานี่แหละ) ก็เลยใช้เรื่องนี้เป็นทางแก้ไขทำเลไปเสียเลย กรุงลงกาอยู่ในพื้นที่ที่อาทิตย์ส่องไม่ถึง เป็นประตามดาว และก็เป็นภูมิประเทศที่ช่วยกำบังศัตรูมิให้มองเห็นได้ถนัดอีกด้วบ คือ มีร่มไม้ปกคลุม

แบบนั้นอาทิตย์เสียแท้ๆ แต่เขาพยายามหาทางแก้ไข

ส่วนอังคารที่เสีย เป็นนิจ เป็นประ หรือ มรณะ ก็ต้องทำตัวให้ไกลจากความเป็นอังคารเข้าไว้ เรื่องห้าว เหี้ยม โหด หิว โหย ห้าห้าห้า....ต้องอยู่ไกลๆ ทำตัวติ๋มเข้าไว้เป็นดี ไม่ต้องออกหน้า หากจะเป็นประชาสัมพันธ์ก็ต้องแบบพูดไปยิ้มไป อย่าดุดัน (พูดเล่น) ไม่ต้องไปเป็นกองกำลังแถวหน้า มีอะไรก็รับแหลก ทำตัวเป็นเสือซ่อนมังกรซุ่ม นั่นแหละคือ อังคารนิจ รอลุ้นเวลาให้ดาวย้าย หรือ มีตัวช่วย

คนคำนวณมิสู้ฟ้าฉันใด คนทำดีก็มิมีวันอับจน ฉันนั้น แต่ขอให้ดีเพียวๆ ดีเน้นๆ ไม่ใช่ดีเทียม ก็แล้วกัน

กราบขออภัย ท่านเจ้าของกระทู้อีกวาระหนึ่งค่ะ

( ลบความเห็นได้ หากเห็นว่าสมควร)

[MI-6]

แอบเห็นแว้บๆ ว่า ๗ กับ ๘ อยู่คู่กัน แต่อยู่วินาศ ของดวงเมือง (ในตำแหน่งของตำราที่เคยทราบมา) ที่ดิน อหังสาริมทรัพย์ กลายเป็นอยู่ในมุมอับ ก็จะไม่อับได้ไงเพราะ คนกังวลเรื่อง อื่นที่น่ากลัวปานนี้ ใครจะมีแก่ใจซื้อสะสมที่ดินอีก

แต่ของอย่างนี้ไม่แน่ เพราะพวกที่อยู่เบื้องหลัง อาจฉวยเป็นโอกาส เก็บของถูก

เราก็อย่าไปให้เขาหลอกได้ซ้ำซาก เพราะหลอกมาชุมนุม หลอกให้เลิกหากิน หลอกซื้อที่ดินอีก หรือว่าชาตินี้ เราจะเกิดปีชวด กันตลอดทั้งประเทศ

เมื่อวานนี้ รัฐบาล ออก พรบ เกี่ยวกับภาษีที่ดิน หากท่านมีที่ดินจำนวนมากๆ แต่ปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์ เช่น ไม่ปล่อยให้เขาเช่าทำเกษตร หรือ ฯลฯ (คงต้องดูตาม ตัวบทโดยละเอียด แต่ว่า ยังไม่ได้ ประกาศในราชกิจจาฯ ) ก็จะเสียภาษีในอัตราสูง ตรงนี้อาจเป็นผลเรื่อง๗ คู่ ๘ ก็ได้

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ ประกันสังคม ช่วยผู้ประกันตนที่จะซื้อบ้านที่อยู่อาศัย ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ ๙ แห่ง ในการปล่อยสินเชื่อเพื่อการเคหะ โดยมีเงินสมทบของประกันสังคม เป็นตัวค้ำประกัน วงเงิน ๓๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งน่าเป็นข่าวดีสำหรับ ประชาชนผู้มีรายได้ย่อมเยาว์ ดังนั้นใครมีญาติที่ชุมนุมอยู่ ก็ควรโทรให้เขากลับมาเพื่อคิดเรื่องอนาคตของตนเองบ้างได้แล้ว

เขาว่ากันว่า ในที่ชุมนุมนั้น เหมือนเป็นสถานที่ส่วนบุคคลไปแล้ว เข้านอกออกในยาก มีการให้กินน้ำ กินอาหาร ซึ่งเราไม่รู้จริงๆ ว่า อะไรคือต้นเหตุที่ทำให้คนในนั้น จำนวนไม่น้อยดูห้าวหาญชาญชัย และ คึกคักผิดไปจากที่เคยเห็น เมืองไทยไม่เคยมีอะไรแบบนี้เลย