หรือประเทศไทย...เป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐฯ

[sunny]

คมชัดลึก :กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯตำหนิผู้ประท้วงเสื้อแดงบุกอาคารรัฐสภาไทย

(8เม.ย.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สหรัฐฯได้ออกมาตำหนิเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น กรณีที่ผู้ประท้วงเสื้อแดงบุกอาคารรัฐสภาของไทย โดยนายฟิลิปส์ คราวเลย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯยืนยันว่า เคารพสิทธ์ในการแสดงความเห็นแต่ก็เสริมด้วยว่าการใช้กำลังบุกเข้าไปในอาคารที่ทำการต่างๆของราชการไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสม ทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความเห็น แต่การใช้กำลังบุกอาคารรัฐบาลไม่ใช่วิธีการประท้วงที่เหมาะสม

นายคราวเลย์ย้ำด้วยว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะชุมนุมและประท้วงอย่างสงบแต่สหรัฐฯหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องความเห็นที่แตกต่างกันได้โดยผ่านทางสถาบันประชาธิปไตยไม่ใช่ความรุนแรง

รายงานข่าวระบุว่านายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ได้พยายามรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ โดยไทยได้ประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินในกรุงเทพฯและปริมณฑล ห้ามการชุมนุมเกิน 5 คน และมอบอำนาจอย่างกว้างขวางให้ตำรวจกับทหารหลังจากผู้ประท้วงบุกอาคารรัฐสภาทำให้ต้องมีการอพยพบรรดารัฐมนตรีออกจากที่นั่นทางอากาศ ซึ่งเป็นการเพิ่มความตึงเครียดของการประท้วงของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ดำเนินมานานหลายสัปดาห์แล้ว

[sunny]

ไม่ว่าประเทศไทยเราจะเกิดอะไรขึ้น อเมริกาจะต้องมีการแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ทุกครั้ง

โดยเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น สส. หรือในครั้งนี้ก็เป็นโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

แม้กระทั่งผู้นำของไทยเองก็ตาม มักจะอ้างหรือต้องฟังความคิดเห็นของอเมริกาอยู่เสมอ

ไม่ใช่แค่ฝ่ายการเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงนายทหารระดับสูง(บางคน)ของไทยเราด้วย

ภาพลักษณ์ภายนอก อาจดูดีในสายตาของคนทั่วไปที่ประเทศเล็กๆอย่างประเทศไทย

สามารถที่จะมีสัมพันธ์อันดีและแนบแน่นกับประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา

และด้วยความเป็นมหาอำนาจนี่เอง ที่ทำให้หลายต่อหลายครั้งประเทศไทยเราต้องอยู่ในสภาวะจำยอม(บางครั้งก็สมยอม)

คล้ายกับเป็นเครื่องมือหรือทำงานให้อเมริกา จนทำให้ดูเหมือนกับว่าประเทศไทยเราเป็นเมืองขึ้นของอเมริกา...รึเปล่า

[sunny]

ว่ากันตามจริงแล้ว ประเทศไทยเราถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจต่างๆ

แต่ด้วยศักยภาพและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ เราสามารถที่จะผันตัวเองขึ้นมาต่อรองกับมหาอำนาจได้

โดยที่เราไม่ต้องอยู่ในสภาพที่อาจเปรียบเทียบได้ว่า "กึ่งทาส"

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับบุคลากรที่จะเข้าไปทำงานบริหารประเทศว่ามีวิสัยทัศน์อย่างไร

[sunny]

สหรัฐขอให้ทหาร-เสื้อแดงอดกลั้น

11 เมษา. 2553 12:17 น.

นายพี เจ โครว์ลีย์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แถลงเมื่อคืนวานแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุปะทะรุนแรงระหว่างทหารและผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงและการสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อและบอกด้วยว่าความรุนแรงไม่ใช่หนทางที่ยอมรับได้ในการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองพร้อมกับเรียกร้องให้กลุ่มนปช.และกองกำลังฝ่ายความมั่นคงของไทยแสดงความอดทนอดกลั้น

นายโครว์ลีย์ บอกด้วยว่า สหรัฐยังคงเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นว่าทั้งสองฝ่ายยังสามารถทำงานร่วมกันได้เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งได้อย่างสงบสันติผ่านการเจรจาและขอย้ำถึงความสำคัญว่าทุกฝ่ายควรมีส่วนร่วมในการคลี่คลายความเห็นที่แตกต่างกันด้วยวิถีทางที่จะส่งเสริมให้ประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐมีความเข้มแข็งขึ้น

นอกจากนี้นายโครว์ลีย์ บอกว่า รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่ประเทศไทยและประชาชนชาวไทยในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้

[sunny]

2 กค. 2553 06:58 น.

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯได้ลงมติท่วมท้นเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น สนับสนุนร่างมติซึ่งเป็นการลงมติแบบสัญญลักษณ์ (symbolic resolution ) เรียกร้องให้วิกฤตการเมืองของไทย ได้รับการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี และผ่านทางกระบวนการประชาธิปไตย

สภาผู้แทนราฎรสหรัฐลงมติด้วยคะแนน 411-4 สนับสนุนมาตรการดังกล่าว ซึ่งรวมทั้งการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในไทยทำงานอย่างแข็งขันเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆโดยยึดหลักแผนการสมานฉันท์หรือ โรดแมป 5 ข้อที่นายกรัฐมนตรีอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้ร่างขึ้น

รายงานข่าวระบุด้วยว่า การชุมนุมประท้วงนานสองเดือนของคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ ได้จุดชนวนความรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปรวม 90 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และมีผู้บาดเจ็บเกือบ 1,900 คน และได้ยุติลงด้วยการปราบปรามนองเลือดของกองทัพเมื่อ 19 พฤษภาคม

[hacksecrets]

ชักศึกเข้าบ้านทำไม



คมชัดลึก : พาดหัวหนังสือพิมพ์บางฉบับบอกว่าเป็นการชักศึกเข้าบ้าน เมื่อ คุณนพดล ปัทมะ โดยคำสั่งของ ทักษิณ ชินวัตร ไปปรากฏตัวที่วอชิงตัน เพื่อจะล็อบบี้กับบรรดาสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อที่จะให้วิพากษ์วิจารณ์สอบสวนรัฐบาลไทยกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ส่ง คุณเกียรติ สิทธีอมร ไปอเมริกาเช่นกัน เพื่อจะไปล็อบบี้ เพื่อจะไปชี้แจงอธิบายจุดยืนของรัฐบาลไทยต่อกรณีที่ตั้งข้อกล่าวหาผู้ก่อการร้ายกับทักษิณ ชินวัตร และแกนนำคนเสื้อแดง เป็นการเผชิญหน้าของสองฝ่ายของไทยในสหรัฐอเมริกา

อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นการชักศึกเข้าบ้าน มองในแง่ลบก็ใช่ เพราะว่านี่เป็นการเอาเรื่องภายในประเทศ ไปให้คนต่างประเทศโดยเฉพาะมหาอำนาจอย่างสหรัฐรู้สึกว่า บ้านเมืองเราแก้ปัญหาเองไม่ได้ต้องอาศัยเขาเข้ามาแทรกแซง

วิธีการสหรัฐเข้ามาแทรกแซงนั้นมีต่างๆ กันผ่านสถานทูตบ้าง ผ่านรัฐสภาบ้าง และผ่านกลไกต่างๆ ที่เขาสามารถที่จะสร้างอิทธิพลเพื่อที่จะโน้มน้าวให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปอยู่ข้างตนเอง

ฉะนั้นนี่คืออันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อประเทศของเราเองไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

เริ่มด้วยคุณทักษิณจ้างล็อบบี้ยิสต์ที่เป็นฝรั่ง ตอนนี้รัฐบาลไทยก็บอกว่ากำลังคิดจะจ้างล็อบบี้ยิสต์ที่เป็นฝรั่งเช่นเดียวกัน ท้ายที่สุดฝรั่งสู้กับฝรั่ง รับเงินของไทยทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ความร่ำรวยและความได้เปรียบก็เกิดขึ้นกับสหรัฐอเมริกา โดยเรากลายเป็นเบี้ยล่าง และเราจำเป็นจะต้องตกอยู่ภายใต้การตัดสินใจหรือความเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกา

ยิ่งเราไม่สามารถปรองดองกันได้หรือหากลไกเพื่อแก้ปัญหาภายในประเทศได้ เราก็ยิ่งจะตกเป็นเบี้ยล่างของประเทศมหาอำนาจ

นี่เราวิ่งไปหาเขาเอง เขาอ้างได้ว่า เขาไม่ได้เข้ามา เขาไม่ได้สอดแทรก และเขาไม่ได้ต้องการเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย ไทยเราต่างหากที่วิ่งไปหาเขา ช่วยไม่ได้ นี่คือความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่เห็นกันอยู่

ฉะนั้นทั้งสองฝ่ายทั้งรัฐบาลและฝ่ายทักษิณต้องหยุดการใช้ฝรั่ง เพื่อจะทำศึกสงครามในบ้านเรา เพราะเอาเข้าจริงๆ ฝรั่งย่อมปกป้องผลประโยชน์ของฝรั่ง เขาไม่ได้มองผลประโยน์ของประเทศไทย

ยิ่งเอาความชั่วร้ายความไม่ดีของทั้งสองฝ่ายไปเปิดโปงกลางสาธารณะของประชาคมโลก ประเทศไทยยิ่งจะเสื่อมเสียมากขึ้นทุกวัน

[hacksecret]

มติสภาสหรัฐ411-4ดันโรดแม็พ'มาร์ค'

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม 2553



คมชัดลึก :สภาล่างสหรัฐลงมติ 411-4 สนับสนุนไทยแก้ปัญหาการเมือง
โดยสันติวิธี ยึดโรดแม็พ 5 ข้อของ"อภิสิทธิ์" ด้าน“สุเทพ” หยัน“อัมสเตอร์ดัม”
แค่ลูกจ้างรับใช้”ทักษิณ” ไม่มีสิทธิ์มาสั่งรัฐ บาลไทย
(แต่อเมริกาสั่งได้ว่ะ ฮาาา)

(2ก.ค.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯได้ลงมติท่วมท้น
เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น สนับสนุนร่างมติซึ่งเป็นการลงมติเชิงสัญญลักษณ์
(symbolic resolution)เรียกร้องให้วิกฤตการเมืองของไทย ได้รับการแก้ปัญหา
โดยสันติวิธีและผ่านทาง กระบวนการประชาธิปไตย สภาผู้แทนราฎรสหรัฐลงมติ
ด้วยคะแนน 411-4 สนับสนุนมาตรการดังกล่าว ซึ่งรวมทั้งการเรียกร้องให้ทุกฝ่าย
ในไทยทำงานอย่างแข็งขันเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆโดยยึดหลักแผนการ
สมานฉันท์หรือ โรดแมป 5 ข้อที่นายกรัฐมนตรีอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้ร่างขึ้น

รายงานข่าวระบุด้วยว่าการชุมนุมประท้วงนานสองเดือนของคน"เสื้อแดง"ในกรุงเทพฯ
ได้จุดชนวนความรุนแรง ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปรวม 90 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนและ
มีผู้บาดเจ็บเกือบ 1,900 คนและยุติลงด้วยการปราบปรามนองเลือดของกองทัพ
เมื่อ 19 พฤษภาคม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีสภาผู้เเทนราษฎร
สหรัฐอเมริกามีมติ 411 เสียงต่อ 4 เสียงหนุนแผนปรองดองเเห่งชาติของรัฐบาลว่า
คิดว่าฝ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าในหรือต่างประเทศก็ตามก็น่าจะมีความชื่นชมยินดีด้วยกันทั้งนั้น
ถ้าเห็นลู่ทางในการที่จะทำให้เหตุการณ์ทั้งหลายสามารถคลี่คลายไปในทางที่ดีได้
ประชาชนไม่มีความบาดหมางระหว่างกัน มีความรัก ความปรองดองกัน ก็นึกถึงว่า
หากเหตุการณ์นี้เกิดในประเทศอื่น เราคนไทยก็ต้องรู้สึกพอใจและยินดีไปด้วย
ตนว่าไม่มีใครที่สติดี ๆ จะคิดร้ายต่อประเทศอื่น เมื่อถามว่าทำอย่างไรจึงจะให้เกิด
การยอมรับกันเพราะขณะนี้ความคิดเห็นที่ต่างกันก็ยังมีอยู่มาก รองนายกฯ กล่าวว่า
คิดว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางปรองดองนี้ มีไม่มาก “มีเพียงคนกลุ่มหนึ่งที่พยายาม
ไม่ให้แนวทางในการปรองดองเกิดความสำเร็จ ได้เพราะถ้าคนรักใคร่ สามัคคีกัน
กลุ่มของตนเองก็จะเสียประโยชน์ คนพวกนี้หาประโยชน์จากความแตกแยก
จากความบาดหมางของคนในชาติ ตรงนี้จึงเป็นปัญหา ดังนั้นจึงอยู่ที่ประชาชนคนไทย
ที่เป็นเจ้าของประเทศที่จะศึกษาว่ากรณีที่ เกิดขึ้นสร้างความเสียหายกับประเทศทั้งหมด
แต่คนที่ได้ประโยชน์กับคนเพียงกลุ่มน้อย หยิบมือเดียว ซึ่งประชาชนทั้งหลาย
ก็ต้องออกมาแสดงพลัง”รองนายกฯ กล่าว เมื่อถามว่าจะมีการยื้อแย่งอำนาจกัน
ไปอีกนานเท่าใด รองนายกฯ กล่าวว่า เราไม่ได้ยื้อแย่งอำนาจ แต่ทั้งหมดที่ทำมา
เราเป็นรัฐบาลที่มาโดยถูกต้องตามกฎหมาย ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย
และมีหน้าที่ดูแลรักษาชาติบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัย จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา
รับหน้าที่สืบทอดต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่าได้รับจดหมายของนาย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
ทนายความที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ว่าจ้างหรือยัง ที่เรียกร้องขอให้รัฐบาลเปิดเผย
ข้อมูลการกระชับพื้นที่และขอเข้ามามีส่วน ร่วมในการเข้าไปดูหลักฐานต่างๆ ในช่วงที่มี
การชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่เห็นจดหมายดังกล่าว
ส่วนที่เรียกร้องต่าง ๆ นานา นั้น ความจริงจะเรียกร้องหรือไม่เรียกร้อง มันไม่ใช่เรื่อง
แต่สิ่งสำคัญคือรัฐบาลนี้จะทำทุกอย่างที่ตรงไป ตรงมา โปร่งใส รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้อง
รายงานต่อประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของประเทศว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ข้อเท็จจริง
ทั้งหลายเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯจึงตั้งคณะกรรมการฯอิสระชุด
นาย คณิต ณ นคร เป็นประธานมาสอบสวนค้นหาความจริงเพื่อมารายงานต่อประชาชน

“รัฐบาลนี้ไม่มีหน้าที่ไปรายงานต่อนายอัมสเตอร์ดัมและผมก็ไม่มีหน้าที่ ที่จะต้องไป
ชี้แจงอะไรต่อนายอัมสเตอร์ดัม นายอัมสเตอร์ดัม เป็นลูกจ้าง ของพ.ต.ท.ทักษิณ
ไม่ใช่ผู้มีหน้าที่อะไรที่จะมาสั่งการกับผม หรือรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะขอมาในนามของใคร
ก็แล้วแต่ เขาทำงานแลกกับเงิน รับใช้คุณทักษิณ เขาก็ทำไปตามนั้น ส่วนผมมีหน้าที่
รับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชนคนไทยต่อประเทศไทย และไม่กังวลหาก
นายอัมสเตอร์ดัม จะไปฟ้องศาลโลกเพราะพวกนี้ไม่มีอะไร สร้างภาพไปเรื่อย ตีปี๊บไปเรื่อย
ทำให้คุ้มค่าเงินกับที่เขาว่าจ้างเท่านั้น”รองนายกฯ กล่าว

ทีหลังให้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
ประกาศรับรอง นายกฯ ของไทยด้วยสิ
จะได้ไม่ต้องเลือกตั้ง ผู้แทนในไทย ให้เปลือง
ประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่า เราเป็นเมืองขึ้นของ
อเมริกา กับ อังกฤษ ไม่มีปัญญาคิด นโยบาย
หรือ ยุทธศาสตร์ อะไรเอง รอฟังคำสั่งอย่างเดียว

เกียรติ สิทธีอมร

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1248931582

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 12:25:29 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

กฤษฎีกา ฟันธง เกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้าไทย
มีฐานะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชัวร์ !

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาได้เคยวินิจฉัยเกี่ยวกับ "ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”
ตามบันทึกปี 2535 เรื่อง การดำรงตำแหน่งทางการเมืองของกรรมการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ
ว่า หมายความถึง ผู้ดำรงตำแหน่งที่มีหน้าที่อำนวยการบริหารประเทศหรือควบคุม
การบริหารราชการแผ่นดิน และบรรดาผู้ที่รับผิดชอบงานด้านการเมืองทั้งหมด
โดยงานการเมืองนั้นจะเป็นงานที่เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายเพื่อให้ฝ่ายปกครอง
ที่มีหน้าที่ปฏิบัติงานประจำรับไปบริหารให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนดนั้น

ต่อมาในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประเด็นว่า ผู้แทนการค้าไทย ซึ่งตามระเบียบ
สำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยผู้แทนการค้าไทย พ.ศ. 2552 กำหนดให้นายกรัฐมนตรี
มีอำนาจแต่งตั้งผู้แทนการค้าไทยจำนวนไม่เกิน 5 คน ทำหน้าที่เป็นผู้แทนพิเศษของ
นายกรัฐมนตรีในการเจรจากับต่างประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศในด้านการค้า
และการลงทุน เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่นายกรัฐมนตรี และอื่นๆ ตามที่
นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ถือว่าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ อย่างไร

ปัจจุบัน นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับแต่งตั้ง
เป็นผู้แทนการค้าไทย (มติครม. 6 พ.ค. 2552) ปัญหาจึงมีว่า ฐานะของนายเกียรติ สิทธีอมร
เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่

ต่อมา สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ขอหารือมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ล่าสุด คณะกรรมการกฤษฎีกาชุดที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้วินิจฉัยว่า
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หมายถึง คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา และผู้ดำรงตำแหน่งอื่น
ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันที่มีอำนาจหน้าที่ในการอำนวยการบริหารประเทศหรือควบคุม
การบริหารราชการ แผ่นดิน

และหากพิจารณาระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยผู้แทนการค้าไทย พ.ศ. 2552
ที่ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้แทนการค้าไทยเป็นผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรี
ในการเจรจากับต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศและช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่ของ
นายกรัฐมนตรีตามที่ได้รับมอบหมายจะเห็นได้ว่าอำนาจหน้าที่ของผู้แทนการค้าไทย
มีลักษณะเป็นงานทางการเมือง คือการอำนวยการบริหารประเทศหรือการควบคุม
การบริหารราชการแผ่นดินในเชิงนโยบาย ดังนั้น ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้แทนการค้าไทย
จึงอยู่ในความหมายของคำว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่างแน่นอน



http://www.ryt9.com/s/nnd/922980

“เกียรติ สิทธีอมร” เผย สหรัฐฯ เข้าในสถานการณ์ไทยดี ยันไม่แทรกแซงกิจการในประเทศ

หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน 2553 18:53:48 น.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทยในฐานะผู้แทนพิเศษ
ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง
การเดินทางไปชี้แจงทำความเข้าใจ
กับสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐอเมริกา
ถึงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในไทย ว่า ตนได้พูดคุยกับส.ส. , ส.ว.,
ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กลุ่มนักคิดนักวิชาการ คนไทยในสหรัฐฯและ
กลุ่มนักธุรกิจ เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใประเทศไทย วิธีการดำเนินการในแต่ละช่วง
และความพยายามในการเจรจากับทางแกนนำผู้ชุมนุม จนกระทั่งเหตุการณ์การเข้ากระชับพื้นที่
รวมทั้งประเด็นข้อกฎหมายของไทยเกี่ยวกับการกระทำความผิดในข้อหาการก่อการร้าย
ที่มีการปรับปรุงแก้ไขไปตั้งแต่ปี 2545 ที่สหรัฐฯโดยโจมตีซึ่งทั่วโลกมีการแก้ไขกฎหมาย
เช่นเดียวกัน ซึ่งเขายืนยันว่าเขาเข้าใจดีในสิ่งที่รัฐบาลทำและถามความก้าวหน้า
การตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์การชุมนุม และต่อไปจะทำอย่างไร
ซึ่งคงจบแล้วในการพิจารณาของกรรมาธิการเกี่ยวกับประเทศไทย เพราะเขาพอใจกับ
คำชี้แจงของผู้เชี่ยวชาญของเขาเอง 7-8 คนที่ไปชี้แจงต่อกรรมาธิการ
ซึ่งตนได้คุยกับ 2 คน ในจำนวนที่ได้เข้าไปชี้แจงต่อกรรมาธิการ

[sunny]

"กรณ์" จ้างต่างชาติพีอาร์ไทย

ขุนคลังชี้ ได้เริ่มงานกับบริษัทต่างชาติทำประชาสัมพันธ์เศรษฐกิจไทยกับสื่อต่างชาติ แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา ยังไม่ใช่ล็อบบี้ยีสต์เพื่อตอบโต้ใคร...

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยถึงกระแสข่าวที่กระทรวงการคลังจะว่าจ้างบริษัทประสัมพันธ์จากสหรัฐฯ เพื่อประชาสัมพันธ์เศรษฐกิจประเทศไทยกับสื่อต่างประเทศว่า เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นมีผลต่อความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลกระทบแนวโน้มโอกาสของไทยที่จะเสนอตัวเป็นประเทศที่น่าลงทุนในระยะยาว หากไม่มีการประชาสัมพันธ์ที่ดี และมีการเสนอข่าวที่ไม่ถูกต้องชัดเจนกับผู้บริโภคข่าวในต่างประเทศ อาจทำให้ไทยเสียเปรียบ ประเทศคู่แข่ง และไทยเสียโอกาสในการที่จะได้รับความสนใจในแง่ของแหล่งประเทศที่น่าลงทุนในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศ

"ผมยอมรับว่า ที่ผ่านมาได้มีการติดต่อและประสานงานกันไปบ้างแล้ว โดยทางบริษัทดังกล่าวได้ ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาเก็บข้อมูล ถือว่าเป็นการเริ่มทำงาน ในบางส่วนแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีการเซ็นสัญญาลงนาม อย่างเป็นทางการ ซึ่งผมยืนยันว่าไม่ใช่ล็อบบี้ยีสต์เพื่อตอบโต้ใครแน่นอน โดยใช้บริษัทจากอเมริกาและเป็นการจ้างในช่วงระยะเวลาสั้นๆ"

ด้านนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวยืนยันว่า เป็นการจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ เพื่อมาดูแลเรื่องเศรษฐกิจของไทยเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเมือง โดยหลักการจะใช้วิธีการให้ข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการ แก้ไขและพัฒนาเศรษฐกิจ รวมไปถึงใช้ในการวิเคราะห์ แนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรปที่เกิดขึ้น และการเมืองภายในประเทศไทย ทำ ให้กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุน ดังนั้นการจ้างบริษัทต่างชาติมาดำเนินการในส่วนประชาสัมพันธ์ ก็เป็นเรื่องที่เหมาะสม ซึ่งข้อเท็จจริง ก็ได้มีการทำประชาสัมพันธ์มาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

นายกรณ์ยังได้เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการตลาดทุนว่า ได้หารือถึงการต่ออายุมาตรการทางภาษีแก่บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย ตามข้อเสนอของชมรมบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (เอ็มเอไอ) โดยได้แสดงความเห็นที่หลากหลายทั้งความเหมาะสมและไม่เหมาะสมในการต่ออายุมาตรการดังกล่าว แต่ยังไม่มีข้อสรุป โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการที่พิจารณา ด้านภาษีไปหารือร่วมกับกรมสรรพากรอย่างเร่งด่วน และเสนอให้ตนพิจารณาภายใน 1 เดือน

"มีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย และไม่ใช่ ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับการต่ออายุมาตรการภาษีดังกล่าว โดยมองว่าการส่งเสริมมาตรการภาษีจะต้องไม่ทำ ให้บิดเบือนกลไกทางภาษีหรือเกิดความลักลั่นในตลาด ในระดับที่มากเกินไป จึงต้องพิจารณาให้ละเอียด เพราะข้อเท็จจริงสำหรับผลที่เกิดขึ้นกรณีที่มีการลดภาษีให้ บริษัทจดทะเบียนใหม่คือ ไม่ได้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียน มากนัก หมายความว่า การให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว เป็นเพียงเหตุจูงใจหนึ่ง ขณะที่เป้าหมายหลักของการเข้าจดทะเบียน คือ ระดมทุนในต้นทุนที่ถูกกว่า การกู้เงินจากสถาบันการเงิน"

ทั้งนี้ ทางชมรมบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ ใหม่ได้มีหนังสือให้ทางกระทรวงการคลังพิจารณาสิทธิ พิเศษทางด้านภาษีแก่บริษัทจดทะเบียนจาก 30% เหลือ 25% และในตลาดเอ็มเอไอจาก 30% เหลือ 20% ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังให้สิทธิพิเศษมาตลอด เพื่อเป็นแรงจูงใจในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเป็นแรงจูงใจให้กับบริษัทที่มีระบบบัญชีที่ดีและมีการเสียภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

อย่างไรก็ดี ตนเห็นด้วยกับแนวคิดของการพัฒนา ตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง และถ้ามีมาตรการใดที่ช่วยให้ การตัดสินใจเข้าจดทะเบียนอย่างเต็มรูปแบบ ก็พร้อมที่จะพิจารณา เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งที่ผ่านมาการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลก็มาจากบริษัทจดทะเบียนเป็นส่วนใหญ่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) เสียใจที่ไม่เลือกคนใน ธปท.ขึ้นเป็นผู้ว่าการ ธปท.ว่า ที่จริงนายบัณฑิตเป็นคนที่มีความสามารถ คิดว่าสองท่านนี้มีความเหมาะสมด้วยกันทั้งสิ้น แต่ก็มีกระบวนการในการสรรหาขึ้นมา ก็เป็นธรรมดาอาจจะมีความผิดหวังได้ แต่อยากให้กำลังใจ และคิดว่านายบัณฑิตยังเป็นคนที่มีคุณค่าสำหรับระบบการเงินการคลัง แม้กระทั่งการทำงานภาครัฐอยากให้ กำลังใจ ส่วนคนในคนนอกจากประวัติศาสตร์ของ ธปท. มีทั้งคนในคนนอกแต่ทั้ง 4 คนที่สมัครเข้ามาทำงานครั้งนี้เคยมีประสบการณ์ทำงานใน ธปท.ด้วยกันทั้งสิ้น

ส่วนที่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ได้รับเลือก ให้เป็นผู้ว่าการ ธปท.เคยเป็นผู้บริหารธนาคารกสิกรไทยมาก่อนนั้น เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งแล้วต้องเป็นมุมมองของการทำงานในภาครัฐ แต่มุมมองที่เป็นประสบการณ์ ซึ่งได้จากภาคเอกชนก็อาจเป็นประโยชน์ ด้วย แต่ต้องไม่มีผลประโยชน์ขัดกัน

"ผมได้บอกกับ รมว.คลังไปว่าถ้ามีโอกาสอยาก ให้คุยกับนายบัณฑิตว่าเจ้าตัวเขาคิดอย่างไรและดูว่า เขาจะมีความคิดเกี่ยวกับการทำหน้าที่ตรงไหนอย่างไรที่จะเป็นประโยชน์ เพราะคิดว่าเป็นบุคคลที่ควรได้รับการ สนับสนุน แต่ยังไม่ได้วางตำแหน่งใดไว้ให้ เพราะมีหลายตำแหน่งที่ต้องมีการพิจารณาในช่วงสิ้นปีงบประมาณ".

[Neo]

วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 15:41 น. ข่าวสดออนไลน์

มาร์คแจงมะกันพร้อมเลือกตั้งต้นปีหน้า

หากแผนปรองดองได้ผล

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิลเลียม เบิร์นส์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ฝ่ายกิจการการเมือง เดินทางเข้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้น นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ถือโอกาสชี้แจงสถานการณ์การเมืองของไทย และความคืบหน้าเกี่ยวกับกระบวนการปฏิรูปประเทศไทย รวมถึงการแก้ไขปัญหา โดยยืนยันว่าถ้าความคืบหน้าในเรื่องกระบวนการปรองดองและการปฏิรูปประเทศในปลายปีนี้มีผลเป็นรูปธรรม ต้นปีหน้าเป็นต้นไปก็สามารถจะจัดการเลือกตั้งได้ นอกจากนี้ยังได้ถือโอกาสขอบคุณที่รัฐสภาของสหรัฐฯได้ยืนยันการสนับสนุนแผนปรองดอง และคิดว่าแนวทางที่ไทยเดินอยู่ถูกต้องแล้ว

“สหรัฐฯมีความเข้าใจและติดตามสถานการณ์ของประเทศไทยอย่างใกล้ชิดมาตลอด และเห็นตรงกันในเรื่องกระบวนการปรองดอง การพูดคุยกันในวันนี้เป็นการแลกเปลี่ยนกันทั่วไปในเรื่องของสถานการณ์การเมืองของไทยและพัฒนาการต่างๆทางการเมือง ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าต้นปีหน้าเป็นต้นไปจะมีการเลือกตั้งขึ้นนั้น เพราะคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการ จะมีการเร่งรัดโดยคณะกรรมการชุดต่างๆจะมีผลออกมาเป็นรูปธรรมในช่วงปลายปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิรูปทางการเมือง เรื่องโครงสร้างต่างๆที่มีความไม่เป็นธรรม และการปรับปรุงกฎกติกาการเลือกตั้ง จึงมั่นใจว่าต้นปีหน้าเป็นต้นไปจะสู่ระบบการเลือกตั้งได้” นายปณิธาน กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังได้มีการแลกเปลี่ยนถึงการที่รัฐบาลไทยประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงให้ฝ่ายสหรัฐฯทราบว่าการใช้พ.ร.ก.ดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายและความจำเป็น อีกทั้งยังมีความพยายามที่จะลดการใช้พ.ร.ก.นี้ตามลำดับ ซึ่งเหตุผลของการประกาศพ.ร.ก.ดังกล่าวส่วนหนึ่งก็เพื่อจะทำให้เราสามารถกลับสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว ซึ่งทางสหรัฐฯก็มีความเข้าใจ