ใครคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบ

[sunny]

การตัดสินใดๆในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์นั้น ผู้พิพากษาไม่ใช่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อคำตัดสิน

แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ต่างหาก คือผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับการตัดสินนั้นๆ

ดังที่เราพบได้ในทุกๆปี และแม้กระทั่งล่าสุด

"ในหลวง" มีรับสั่งแก่ตุลาการศาลปกครอง อย่าทรยศต่อความยุติธรรม

แม้อาจมีบางฝ่ายไม่พอใจในคำตัดสิน แต่ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญและหนักแน่น

(อ่านเต็มๆในกระทู้ ในหลวง รับสั่ง ศาล อย่าทรยศต่อหน้าที่)

[sunny]

การตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา

กลับกลายเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้เกิดการยึดทรัพย์เหมือนดังที่ ประเทศลาวและเขมรได้เคยทำมาแล้ว

และนี่จึงเป็นชัยชนะของ CIA อย่างเป็นรูปธรรม

กับการที่จะโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย

(เปิดโปง...ขบวนการ CIA ทำลายประเทศไทย)

[sunny]

'บิ๊กจิ๋ว'ซัดมีคนชักใยเบื้องหลังยึดทรัพย์

(27ก.พ.) เวลา 09.00 น. แกนนำและส.สของพรรคเพื่อไทยนำโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ปธ.พรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หน.พรรค พร้อมส.ส.เกือบ 30 คนได้ร่วมหารือกรณีผลการตัดสินคดีที่ศาลให้ยึดทรัพย์โดยพล.อ.ชวลิต กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเคารพคำตัดสิน แต่สิ่งที่ไม่สบายใจคือ คณะผู้พิพากษายอมรับในอำนาจปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 ที่เป็นที่มาของ กระบวนการยุติธรรมยึดทรัพย์ ทำให้สังคมไทยมองว่า เป็นจุดที่ทำให้เห็นว่าเกิดภาวะสองมาตรฐานถึงที่สุด โดยเฉพาะสิ่งที่ใครบางคนหรือใครหลายๆ คนมองว่าเรื่องนี้มีบางคนอยู่เบื้องหลังชักใยอยู่ ซึ่งก็ไม่มีใครตอบได้ว่าเป็นใคร

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะต่อสู้ตามแนวทางสันติวิธี จึงขอให้ประชาชนออกมาร่วมกับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเสื้อแดงจะเป็นแนวทางเดียวกับพรรคเพื่อไทย

ด้านนายยงยุทธได้อ่านแถลงการณ์ของพรรคว่าคำตัดสินของศาลที่สั่งให้อายัดทรัพย์เป็น 4.6 ล้าน เป็นผลพวงของการรัฐประหาร 19 ก.ย. และเป็นจุดเริ่มต้นของคดีนี้ซึ่งขัดกับหลักยุติธรรม ต้องการทำลายล้างพ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ร่วมต่อสู้กับประชาชนในการเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรมกลับคืนมา

พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย กล่าวว่า ไม่สนใจคำพิพากษาของศาล เพราะรู้ว่าเป็นหนึ่งในแผนบันได 4 ขั้นของคณะปฏิวัติไม่มีประเทศใดในโลกยอมรับ เชื่อว่าหลังจากนี้ประชาชนจะตื่นและออกมาต่อสู้

http://www.komchadluek.net/detail/20100227

.............................................................

การที่"บิ๊กจิ๋ว" ออกมากล่าวเช่นนี้ ต้องการสื่อไปถึงใครกันแน่

[sunny]

ทักษิณแถลงหลังมีคำพิพากษายึดทรัพย์

"......แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ก็ยังดีครับ ยังคืนส่วนที่บอกว่า เอาล่ะ..ก่อนที่จะเป็นนายกฯ ประกาศไว้ว่ามี 21 บาท ราคาหุ้นมันขึ้นลงตามดัชนีเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ ตามตลาดโลกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งวันนี้ผมไม่เข้าใจว่าราคาหุ้นขึ้น เป็นเพราะว่าผมเป็นนายกฯมาโกงให้บริษัทตัวเอง แล้วที่เหลือในตลาดหลักทรัพย์เขาไม่ขึ้นกันหรือครับ หุ้นแบงค์กรุงเทพไม่ขึ้นหรือครับ หุ้นทีพีไอไม่ขึ้นหรือครับ หุ้นปูนซีเมนต์ไทยไม่ขึ้นหรือครับ หุ้น ปตท.ไม่ขึ้นหรือครับ หุ้นยูคอม หุ้นซีพี หุ้นทรู ไม่ขึ้นหรือครับ ก็ฟังดูแล้วก็ต้องยอมรับว่าการเมืองสุดสุดครับ"

.....................................

ถ้าเงื่อนไขของการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นการกระทำเพื่อเอื้อประโยชน์

แล้วคำกล่าวของทักษิณ เกี้ยวกับหุ้นต่างๆที่กล่าวมานั้น

อย่าลืมว่า มีทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ อยู่ด้วย

ดังนั้น คำวินิจฉัยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ถือเป็นบรรทัดฐานให้เป็นการวินิจฉัยทรัพย์สินใดๆอันเกิดขึ้นในตลาดหุ้น อันเข้าลักษณะเอื้อประโยชน์

ดังเช่นกรณีทักษิณ ชินวัตร จะต้องถูกยึดหมด โดยไม่มีข้อยกเว้น

เช่นดังการตัดสินในการยึดทรัพย์เหมือนกับประเทศต่างๆที่เคยได้กระทำมา

[sunny]

(เปิดโปง...ขบวนการ CIA ทำลายประเทศไทย)

[eye in the sky]

http://khunnamob.globat.com/backup/khunnamob/www.khunnamob.info/board/show.php-Category=khunnamob&No=791&forum=4&page=24&PHPSESSID=5df051bc51e3404a3b6bdcb9f62a03ba.htm



http://news.sanook.com/politic/politic_272443.php

ทักษิณ ไหว้ เปรม - สุรยุทธ์ ในงานศพแม่ พล.อ.อนุพงษ์

โดย มติชน
วัน ศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.

พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาร่วมพิธี เข้าไปยกมือไหว้ พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์
ซึ่งพล.อ.เปรม ได้ยกมือรับไหว้ เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 29 พฤษภาคม ที่วัดโสมนัสวิหาร
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เดินทางมาร่วมพิธีรดน้ำศพ นางบุญเรือน เผ่าจินดา มารดา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) โดย มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ทบ. เป็นประธานพิธี
ซึ่งมีผู้บัญชาการเหล่าทัพและนายทหารระดับสูงเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก อาทิ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ชลิต
พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.) พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นอกจากนี้ยังมีเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10(ตท.10) เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก รวมทั้ง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10
ได้นำพวงหรีดของพ.ต.ท.ทักษิณ มาร่วมไว้อาลัย และนางปิยะดา บุญยรัตกลิน ภริยา
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ก็มาร่วมงานเช่นกัน

ต่อมาเวลา 18.30 น. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้แทนสำนักพระราชวัง
ได้เป็นประธานพิธีสวดพระอภิธรรมศพ โดยพล.อ.สุรยุทธ์ ได้ไปนั่งฟังพิธีสวดข้าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรี ที่เดินทางมามาถึงก่อน ภายในงานยังมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทย พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป อดีตเลขานายกรัฐมนตรี ร่วมอยู่ด้วย

เวลา 19.00 น. พ.ต.ท. ทักษิณ เดินทางมาร่วมพิธี เมื่อเดินทางมาถึงได้เดินเข้าไปยกมือไหว้
พล.อ.เปรม และพล.อ.สุรยุทธ์ ซึ่งพล.อ.เปรม ได้ยกมือรับไหว้ตอบ

จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เดินไปนั่งฟังการสวดศพบริเวณฝั่งซ้ายด้านหลัง พล.อ.เปรม ซึ่งมี
พล.อ.อนุพงษ์ และภริยา นั่งอยู่ เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เห็นก็ได้เดินไปนั่งทักทายพ.ต.ท.ทักษิณ
ก่อนเดินกลับนั่งที่เดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่จบพิธีสวดอภิธรรมศพ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้เดินมาทักทาย
พ.ต.ท.ทักษิณและพูดคุยกัน จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ปรี่เข้าไปหา พล.อ.เปรม
และพุดคุยกันประมาณ 30 วินาที ก่อนที่ พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ จะเดินทางกลับ

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ว่า ได้พูดคุยอะไรกับ พล.อ.เปรม
พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ โดยเดินเลี่ยงผู้สื่อข่าวขึ้นรถเดินทางกลับทันที

อนึ่ง การพบกันพร้อมหน้าระหว่าง พล.อ.เปรม พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้
ถือว่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

[sunny]

ไม่ได้เข้าข้างทักษิณ

แต่อยากถามว่า ถ้าหากว่าหุ้นของทักษิณตก ไม่ทราบว่าศาลจะชดใช้ส่วนต่างคืนให้ทักษิณหรือไม่

ตลาดหุ้นฯก็รู้อยู่เป็นที่ฟอกเงินของพวกคนมีกะตังค์ (ไม่ว่าจะได้มาโดยสุจริตหรือไม่ก็ตาม)

และก็รับรู้กันอยู่ถ้วนทุกที่ว่า กำไรในตลาดหุ้นฯ ไม่ต้องเสียภาษี

แล้วรู้มั้ยว่าใครเป็นคนต้นคิดว่าเล่นหุ้นแล้วไม่ต้องเสียภาษี ก็ประชาธิปัตย์ไง

ทั้งๆที่ทั่วโลกเขาเสียภาษีกันหมด มีประเทศไทยนี่แหละที่ไม่ต้องเสียภาษี

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง BOI หรือแม้แต่ตลาดหุ้นฯ ก็ประชาธิปัตย์ตัวดีนี่แหละ กำหนดนโยบายทำลายประเทศชาติทั้งนั้น

แล้วอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นของใครก็ตาม ที่ขึ้นในช่วงที่ทักษิณเป็นนายกฯ ไม่ต้องถูกยึดหมดเช่นนั้นหรือ

[satan_baby]

*** เหตุที่ผมไม่ยอมรับคำตัดสินคดียึดทรัพย์คุณทักษิณ เพราะผลของคดีต่อไปนี้ ***

1. คดียุบพรรคไทยรักไทยโดยใช้กฎหมายย้อนหลัง
ว่าจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง
ตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย
แต่พอพยานออกมาแฉว่าเทพเทือกจ้างมาให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย
กกต. ท่านกลับบอกว่า ตัดสินไปแล้ว แก้ไขผลแห่งคดีไม่ได้

2. คดียุบพรรคประชาธิปัตย์
ว่าจ้างพรรคเล็กไม่ให้สมัครรับเลือกตั้ง
ทั้งที่พรรคตัวเองบอยคอตการเลือกตั้งไปแล้ว
โจทย์มีหลักฐานเป็นวีดีโอเทป ไทกอนกำลังเจราจาจ้างคนอยู่
สานท่านไม่ยอมให้เปิดวิดีโอเทป
แล้วตัดสินว่าหลักฐานอ่อน ยกฟ้องไปตามระเบียบ

3. คดียุบพรรคพลังประชาชน
สานท่านเชื่อพยานเพียงคนเดียวที่อ้างว่ารับเงินจากคุณยงยุทธ
ทั้งที่จำเลยแย้งว่าพยานปากนี้มีความเกี่ยวพันกับพรรคคู่แข่ง
โดยพยานมีหลักฐานเป็นวีดีโอเทปที่บันทึกว่าไปพบคุณยงยุทธ
กรณีนี้ท่านท่านยอมให้ใช้วีดีโอเทปเป็นหลักฐานได้ (หรือเปล่า)
แต่ท่านไม่ยอมเชื่อพยานอีกหลายปากที่ไปด้วยกันว่าไม่ได้รับเงิน

4. คดีกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์แจกตั๋วหนังที่อุบล
มีหลักฐานเป็นเทปบันทึกภาพด้วย
กกต.ท่านดึงเวลาไป 6-7 เดือน
แล้วหวยออกมาว่าผู้สมัครสส.ได้ใบแดง
กรรมการบริหารพรรคได้ใบขาวหน้าตาเฉย
พรรคประชาธิปัตย์รอดตัวอีกตามเคย

5. คดีผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ถูกจับเงินซื้อเสียง 1.3 ล้านบาทที่เพชรบูรณ์
หวยเข้าทางพรรคประชาธิปัตย์อีกตามเคย

6. คดีนายตี๋ใช้เงิน 10,000.-บาท
จ้างรถขนคนไปฟังพรรคพลังประชาชนหาเสียงที่อีสาน
ผู้สมัคร สส.พรรคพลังประชาชน โดนใบแดงซะงั้น

7. ผู้สมัครพรรคพลังประชาชนถ่ายรูปคู่กับรูปถ่ายคุณทักษิณ
แจกซีดีคุณทักษิณ
กกต.ท่านขู่จะแจกใบแดง

8. เนวินกอดกันกลมกับอภิสิทธิ์ จัดตั้งรัฐบาล ออกตามสื่อทุกฉบับ
กกต. ท่านบอก ไม่เปงรายย กฎหมายไม่ได้ห้ามไว้

9. คดีลุงหมักทำกับข้าวถูกปลด
แทนที่จะใช้ คำจำกัดความจากกฎหมายแรงงานที่มีอยู่แล้ว
สานท่านเลือกใช้พจนานุกรมตีความคำว่า ลูกจ้าง คือผู้ที่รับเงินจากนายจ้าง

10. นายจรัญ ไปสอนหนังสือ รับเงินค่าจ้างจากมหาวิทยาลัยเอกชน
อ้างว่ามหาวิทยาลัยเอกชนเป็นสถานบันการศึกษาไม่ใช่บริษัทที่แสวงหากำไร
ทีงี้ไม่ใช้พจนานุกรมวุ้ย

11. นายกสมชาย ออกพระราชบัญญัติความมั่นคง
ให้ทหารออกมาป้องกันไม่ให้พันธมิตรเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิ
ทหารทำหูทวนลม บอกตรูไม่สน
เป็นเหตุให้พันธมิตรเข้าปิดสนามบินสุวรรณภูมิสำเร็จ
จนประเทศชาติเสียหายยับเยิน
แต่ก็ยังไม่มีดำเนินการเอาผิดกับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้

12. พอพวกเสื้อแดงประกาศจะออกชุมนุมคราวใด
ทหารนักกอล์ฟขมีขมันบอกรัฐบาลอภิสิทธิ์
กระผ้มพร้อมเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานครับโผ้ม
ว่าแล้วก็ลาก M16 มาเป็นเครื่องมือปราบม็อบ

13. คดีเงินบริจาคของ TPI 258 ล้านบาท
รู้สึกว่าประธาน กกต.ท่านก็ยื้อเหลือเกินนะครับ
ทั้งที่มีหลักฐานเป็นทั้งพยานบุคคลและเอกสาร
ท่านจะรอไปตัดสินชาติหน้าหรือไง
นี่ก็มีข่าวแว่วๆ ว่าเอกสารสำคัญที่ส่ง กกต.หายไปหรือเปล่าครับท่านน


แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับผมแล้วนะครับ ที่จะขออนุญาตไม่เชื่อสิ่งที่พวกท่านกำลังพยายามกรอกหูประชาชนอยู่
ป.ล. พวกผมไม่ใช่ก_วางนะครับ
.

จากคุณ

: One Putt

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8935396/P8935396.html#46

[satan_baby]

เหตุผลที่ผมไม่ยอมรับ คือ
1. ศาลใช้คำว่า "โดยไม่สมควร" แทน "ทุจริต" ปกติคดีอาญาจะต้องมีหลักฐานชัดเจนเพื่อให้จำเลยจำนนต่อหลักฐาน ในขณะเดียวกันการพิพากษาสามารถตีความได้กว้างมากตามจริตที่สั่งสมนับแรมปีของแต่ละคน แทนที่จะตีความไปตามหลักฐาน What's the point?
2. คดีปิดสนามบินสุวรรณภูมิหายเข้ากลีบเมฆ
3. คำพิพากษาไม่ชอบธรรมเพราะอ้างประกาศคณะปฎิวัติฯ อันเป็นกบฏของชาติ และระบอบประชาธิปไตย
4. ผู้ฟ้องล้วนเป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยอย่างชัดเจน เช่น คตส. ปปช. (ไม่ได้โปรดเกล้า)
5. ศาลตีความว่าจำเลยเป็นนอมินี กรณีโอนหุ้นให้ลูกๆ ก็เท่ากับว่า สุเทพ เทือกสุบรรณซึ่งถือหุ้นกว่า 500000 หุ้น และมีการโอนหุ้นให้ลูกๆ ก็เป็นนอมินีเช่นกัน
6. ประกาศคณะปฏิวัติไม่เป็นประชาธิปไตย ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย เมื่อศาลกีฏาอ้างประกาศนี้เท่ากับว่าศาลไม่ได้รับใช้ประชาชน การทำรัฐประหาร เป็นกบฏไม่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย
7. ปัญหาการแตกแยกของคนในชาติไม่คลี่คลายหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์
8. ดูเหมือนว่ารัฐบาล และคนอื่นๆ สมรู้ร่วมคิด มีการสร้างสถานการณ์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ระเบิด ธ.กรุงเทพ ซึ่งขัดแย้งกับกลุ่มเสื้อแดงที่ประกาศนุมชุมด้วยความสันติ ทำให้เป็นที่น่าสงสัยได้ว่าเป็นไปได้ที่อาจจะมีบุคคลเบื้องหลังปักธงเอาไว้

ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย

จากคุณ

: kwang_kung86

[sunny]

วันที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14:22:59 น. มติชนออนไลน์

"ตู่"อ้างภาคปชช.เตรียมถอดถอนผู้พิพากษาคดียีดทรัพย์ทำผิดรธน.

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและแกนนำแนวร่าวมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าววันที่ 2 มีนาคมว่า ภายในในสัปดาห์นี้จะมีขบวนการประชาชนหลายภาคส่วนร่วมแสดงตนถอดถอนองค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวิตร ต่อประธานวุฒิสภา ข้อหากระทำผิดรัฐธรรมนูญ เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยพระราชกำหนดภาษีสรรพสามิตมาแล้ว แต่ศาลกลับไม่ฟังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันต่อทุกองค์กร กลับไปฟังคำสั่งรัฐประหาร

ขณะเดียวกันนปช.จะนำรายชื่อคนเสื้อแดงที่เหลือเป็นแสนๆ หรือ ล้านชื่อ ที่พร้อมถอดถอนองค์คณะผู้พิพากษาเอามากองให้ประชาชนเห็นว่า มีคนจำนวนมากที่ไม่พอใจการทำหน้าที่ขององค์คณะผู้พิพากษาชุดนี้

ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267514619&grpid=03&catid=

[hacksecrets]

"กมธ.การเงิน"เล็งเรียกอธิบดี-ปลัดคลังแจงยึดเงินภาษีโอนหุ้น

2 มีค. 2553 19:45 น.

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการในวันที่ 10 มีนาคา จะนำกรณีนำคำพิพากษาคดียึดทรัพย์มาพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกรมสรรพากร ที่เรียกเก็บภาษีการซื้อและโอนหุ้นจำนวน 12,000 ล้านบาทมาพิจารณา

โดยจะเชิญอธิบดีกระทรวงการคลังและปลัดกระทรวงการคลังมาสอบถาม ในกรณีที่กรมสรรพากรที่ไปอายัดบัญชีทรัพย์สินของบุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เงินฝากจำนวน 12,000 ล้านบาทดังกล่าว ว่าใช้ข้อกฎหมายใด เพราะเมื่อคำตัดสินของศาลฎีกาชี้ว่าเป็นนิติกรรมอำพราง จึงน่าจะเป็นโมฆะ บุตรชายและบุตรสาวของพ.ต.ท.ทักษิณอาจไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งการมาชี้แจงของอธิบดีกระทรวงการคลังและปลัดกระทรวงจะมีการบันทึกอย่างละอียด เพราะถือเป็นข้อกฎหมาย และห้ามหลบเลี่ยงการมาชี้แจงเป็นอันขาด

เนื่องจากคณะกรรมาธิการการเงินฯจะพิจารณาในประเด็นที่ข้าราชการอาจเข้าข่าย มาตรา 157 ที่ว่าด้วยเรื่องการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบของข้าราชการ เพราะตอนนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินการว่าเสมือนกับเป็นการตามล้างตามเช็ดครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณ

[sunny]

มาร์คจี้เชือดอริสมันต์-ดีเจวิทยุชุมชน

คมชัดลึก : นายกฯ สั่งกลาง ครม.บี้ทุกหน่วยงานนำคำพิพากษาไปศึกษาหาช่องเอาผิด "แม้ว" ทั้งแพ่ง-อาญา ชี้ไม่ทำอาจถูกกล่าวหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้ จี้เชือด"อริสมันต์-ดีเจวิทยุชุมชน" "สุเทพ"สั่งรมต.-ครอบครัวระวังตัว รมต.บางคนเริ่มเปลี่ยนมาใช้รถกันกระสุน

แหล่งข่าวในที่ประชุม ครม. วันที่ 2 มี.ค.เปิดเผยว่า ในช่วงท้ายของการประชุม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ไปดำเนินการเรียกค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สร้างความเสียหายนับแสนล้านบาท

"ถ้าแต่ละกระทรวงไม่ทำ ผมก็จะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นความผิดอาญา มาตรา 157 ขณะที่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่มีการโต้แย้งแต่อย่างใด” แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายกรัฐมนตรี

มีรายงานว่าระหว่างการประชุม ครม.นั้น นายอภิสิทธิ์ได้กำชับกระทรวงการต่างประเทศให้แปลคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ เผยแพร่ในต่างประเทศ พร้อมกับชี้แจงทำความเข้าใจว่า รัฐบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้งหรือต้องการไล่ล่าพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นการดำเนินการตามกฎหมายเท่านั้น

จี้เชือด"อริสมันต์-ดีเจวิทยุชุมชน"

แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.เปิดเผยอีกว่า ในที่ประชุม นายอภิสิทธิ์ได้สอบถามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กรณีที่นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดงปราศรัยปลุกระดมประชาชนให้เผาศาลากลาง และจับตัวสามีภริยาหรือบุตรของบุคคลสำคัญใน ครม. ซึ่งนายสุเทพรายงานว่า หากรัฐมนตรีคนใดร้องขอเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยสามารถแจ้งมาได้จะจัดส่งกำลังไปดูแลในทันที นายกฯ ถามว่า จะดำเนินการกับนายอริสมันต์ ได้อย่างไรบ้าง นายสุเทพกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้บันทึกเทปไว้เป็นหลักฐานแล้ว แต่การดำเนินการไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนยังเตะถ่วงไม่ดำเนินการใดๆ ขณะที่ศาลยังไม่สั่งฟ้องเพราะองค์ประกอบของคดียังไม่ครบถ้วน

จากนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องดำเนินการให้ได้ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง พร้อมกับให้คำแนะนำกรณีการดำเนินการกับวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงที่ออกอากาศปลุกระดมยั่วยุ ว่าในการดำเนินการสั่งปิดสถานีวิทยุเป็นเรื่องยุ่งยาก จึงควรไปดำเนินการกับตัวผู้ดำเนินรายการหรือดีเจแทน เช่น กฎหมายหมิ่น หรือการกล่าวหมิ่นเหม่ เป็นต้น

"สุเทพ"สั่งรมต.-ครอบครัวระวังตัว

รายงานข่าวระบุว่า จากนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองหลังจากการยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ขณะนี้มีคนบางกลุ่มที่พยายามจะเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความรุนแรง ดังนั้นรัฐมนตรีทุกคนต้องตระหนักให้ดีถึงความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ให้ดูแลความปลอดภัยของตัวเองและลูกเมียอย่างเต็มที่ ถ้าไม่ไหวให้แจ้งมายังตนจะหามาตรการคุ้มกันให้ เพราะที่ผ่านมาจากการข่าวทั้งทางลับและเวทีปราศรัย จากสถานีโทรทัศน์และวิทยุของเสื้อแดงมีการพูดจาข่มขู่ ยั่วยุกันอยู่ตลอด บางครั้งขู่ถึงขั้นจะเอาชีวิตรัฐมนตรีและลูกเมีย ปลุกระดมให้ไปเผาศาลากลางจังหวัด

รมต.บางคนเริ่มเปลี่ยนมาใช้รถกันกระสุน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลวันที่ 3 มี.ค.ว่า ภายหลังจากที่มีรายงานข่าวว่านายสุเทพ ได้แจ้งเตือนในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยให้รัฐมนตรีพร้อมกับครอบครัวระมัดระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิมในช่วงเวลานี้ เพราะมีการประกาศข่มขู่จับตัวลูกเมียจากกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นระยะ ๆ ปรากฏว่าในวันนี้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปลี่ยนรถยนต์ประจำตำแหน่ง จากรถบีเอ็มดับเบิลยู ทะเบียนศฮ 9207 กรุงเทพมหานคร มาใช้รถยนต์กันกระสุน แลงด์โรเวอร์ ทะเบียนฌอ 8210 กรุงเทพมหานคร ที่เคยใช้เป็นพาหนะในการประชุมผู้นำอาเซียนแทน ซึ่งที่ผ่านมามีเพียงนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และนายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง ที่ใช้เป็นพาหนะ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่ในวันนี้นายสุเทพ ได้กลับมาใช้รถยนต์ส่วนตัว ยี่ห้อฟอร์ด ทะเบียน ฌฌ 1777 กรุงเทพ มหานครแทน ซึ่งเป็นรถกันกระสุน แทนรถแลงด์โรเวอร์ ประจำตำแหน่ง ที่นายสุเทพระบุว่าเสีย ทั้งนี้นายสุเทพได้พ้อสื่อที่นำเสนอข่าวว่าตนเองได้พูดเตือนให้รัฐมนตรี ระวังตัวทำให้เสียหาย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วจำนวนรถยนต์กันกระสุนจะมีเพียงพอสำหรับรัฐมนตรี ทุกคนหรือไม่นายสุเทพ ระบุว่า มีเพียง 20 คัน เท่านั้น ซึ่งไม่พอกับรัฐมนตรีทุกคน หากมีรัฐมนตรีคนใดต้องการก็ให้แจ้งเพิ่มเติมมาได้ อย่างไรก็ตามสำหรับการรักษาความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาลช่วงนี้ ได้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อยปราบจราจล รวมทั้งทหาร เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดมากขึ้น

[satan_baby]

แม้ศาลฎีกา จะพิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวเพียง 46,000 กว่าล้านบาท จากที่อายัดไว้กว่า 76,000 ล้านบาท ข้อหา ร่ำรวยผิดปกติ และ เอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป แต่ผลจากคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีนี้ ส่งผลให้มีคดีที่ต้องมีการฟ้องร้องตามมาอีกกว่า 100,000 ล้านบาท เพราะมีความเสียหายเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจสื่อสาร

ประชุม ครม.วันวาน นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาคำพิพากษา และรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ภาครัฐ โดยให้อัยการช่วยสรุปประเด็นและข้อกฎหมาย เพราะบางกรณีโยงกับกฎหมายหลายฉบับ

นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกนักข่าวว่า สิ่งที่รัฐทำต่อเนื่องไม่ใช่การไล่ล่า เพราะรัฐบาลไม่ใช่คู่กรณี แต่เป็นเรื่องการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน คนที่มาดำรงตำแหน่งตรงนี้ มีหน้าที่ปกป้องประโยชน์ตรงนี้ ฉะนั้น ไม่สามารถไปละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้ ขอให้ ทุกคนยึดแนวทางนี้ ซึ่งจะเป็นแนวทางเดียวที่เป็นภูมิคุ้มกันและป้องกันให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในทุกตำแหน่ง ในการที่จะตอบคำถามในอนาคตต่อไป

มาสำรวจดูครับว่า แต่ละหน่วยงานรัฐเสียหายกันเท่าไร จากความผิดที่ ศาลฎีกา ระบุไว้ในคำพิพากษา

1. แก้ไขสัญญาลดส่วนแบ่งรายได้ค่าสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน (พรีเพด) ที่ต้องจ่ายให้ทีโอที จากที่ต้องจ่ายในอัตราก้าวหน้า 25-30 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ทีโอทีขาดรายได้ไปแล้วประมาณ 14,000 กว่าล้านบาท และจะขาดรายได้ 70,872.03 ล้านบาท เมื่อครบอายุสัญญา

2. แปลงรายได้สัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือเป็นภาษีสรรพ-สามิต โดยให้นำภาษีสรรพสามิตไปหักออกจากค่าสัมปทาน ทำให้ทีโอทีได้รับส่วนแบ่งรายได้น้อยลง แต่มีรายจ่ายภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้น เสียหายกว่า 60,000 ล้านบาท

3. แก้สัญญาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ให้เอไอเอสหักค่าใช้จ่ายเครือข่าย ร่วม (โรมมิ่ง) ออกจากรายได้รวมก่อนส่งส่วนแบ่งรายได้ให้ทีโอที และปรับค่าโรมมิ่งให้ดีพีซี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเอไอเอส เสียหาย 21,750 ล้านบาท

4. แก้ไขสัญญาดาวเทียมไอพีสตาร์ กรณีชินแซทไม่ยิงดาวเทียมสำรอง กระทรวงคมนาคม เสียหายกว่า 4,000 ล้านบาท และ แก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมในประเทศ ลดสัดส่วนการถือหุ้นของชินคอร์ปจากไม่ต่ำกว่า 51 เปอร์-เซ็นต์ เหลือไม่ต่ำกว่า 41 เปอร์เซ็นต์ ทำให้รัฐเสียหาย 20,768 ล้านบาท

5. การให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ให้พม่า 4,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน ทำให้รัฐต้องตั้งงบประมาณจ่ายดอกเบี้ยแทน เสียหาย 650 ล้านบาท

เบ็ดเสร็จ 5 รายการ ค่าเสียหาย 170,000 กว่าล้านบาทแล้ว

ที่น่าสนใจก็คือ บทวิเคราะห์ของ บล.ภัทรและเมอร์ริล ลินช์ ที่ประเมินค่าเสียหายของทีโอที จากการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตว่า ทีโอทีอาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเอไอเอสเป็นเงินถึง 68,000 ล้านบาท

พร้อมกับตั้งคำถามว่า ทีโอที จะฟ้องเรียกค่าเสียหายเฉพาะ เอไอเอส หรือจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก ดีแทค และ ทรู ด้วย เพราะใช้ระบบนี้เหมือนกัน ถ้ามีการฟ้องเรียกค่าเสียหาย การแปลงค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือเป็นภาษีสรรพสามิต กับสามค่าย ความเสียหายทั้งหมดจะอยู่ที่ 117,000 ล้านบาท ไม่ใช่ 60,000 ล้านบาท

ที่รวบรวมมาทั้งหมดนี้ เป็นแค่ความเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น ต้องรอให้แต่ละหน่วยงานที่เสียหาย ไปประเมินค่าความเสียหายจริงทั้งหมด ตัวเลขอาจมากกว่านี้ก็ได้ นอนหนาวๆร้อนๆ ก็ "นักการเมือง" และ "ข้าราชการประจำ" ที่เกี่ยวข้อง นักการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ ข้าราชการจะต้องอยู่จนเกษียณ ใครคิดรับใช้นักการเมืองจนลืมตัวลืมประโยชน์ของชาติ คงต้องไปคิดกันใหม่.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/68348