เงินทองของบาดใจ

[MI-6]

หลังจากถูก อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม ทักท้วง คณะกรรมการจัดงานฉลองพระชนมายุ 96 พรรษา สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งประกาศจะแจกเฉพาะน้ำมนต์แก้โรค แต่ไม่มีรายการหนังสือธรรมะแจกเลยนั้น วันนี้ วัดบวรนิเวศวิหาร ชิงพื้นที่สื่อกลับมาแล้ว โดยบอกว่า กำลังออกสายรัดข้อมือมงคลจำหน่าย เพื่อหาเงินรายได้ไปพิมพ์หนังสือธรรมะแจกจ่ายไปยังวัดและห้องสมุดทั่วประเทศ ซึ่งก็คงจะทำภายหลังจากงานฉลองสมเด็จพระสังฆราชแล้ว

การออกข่าวเช่นนี้ก็ดูดี แต่ยังมีปัญหาให้ถามว่า เหตุใด งานใหญ่เช่นนี้ จึงไม่มีการเตรียมงานด้านเอกสารให้พร้อม เพื่อแจกจ่ายให้ทันในวันงาน ทั้งๆ ที่รัฐบาลก็ตั้งคณะกรรมการจัดงาน และอนุมัติวงเงินสูงถึง 40 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานนี้ แต่ไม่ทราบว่าเงินจำนวน 40 ล้านนั้น คณะกรรมการจัดงานเอาไปใช้ทำอะไร ทำไมไม่มีรายการหนังสือธรรมะ ทำไมต้องให้สำนักงานเลขานุการในสมเด็จพระสังฆราช ออกสายรัดข้อมือเพื่อเรี่ยไรเงินไปจัดพิมพ์หนังสืออีกต่างหาก หรือแม้แต่วัดบวรนิเวศวิหารเองก็ไม่มีเงินเหลือติดวัดเลยหรือ

อืม..เหลือเชื่อนะ อย่างมูลนิธิมหามกุฎ ของวัดบวรนิเวศ นั้น ว่ากันว่ามีเงินหลายพันล้าน รวยกว่าทุกมูลนิธิในเมืองไทยด้วยซ้ำไป แค่ค่าเช่าที่ตลาดบางลำพูก็กินไม่หมดแล้ว หลายปีก่อนก็มีข่าวแย่งกันเป็นประธานมูลนิธิแห่งนี้ จนฟ้องโรงฟ้องศาลมาแล้ว

จัดงานเฉลิมพระชนมายุ 96 พรรษา สมเด็จพระสังฆราช ทั้งที วัดบวรนิเวศวิหาร จะไม่ควักกระเป๋าเลยหรือ ด้านหนึ่งก็ขอเงินรัฐบาล อีกด้านหนึ่งก็ออกวัตถุมงคล-สายรัดข้อมือ เพื่อเอาไปซื้อหนังสือแจก ไม่มีการเสียสละเลยหรือไร ?

เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะทรงเจริญพระชนมายุครบ 8 รอบ 96 พรรษา ในวันที่ 3 ตุลาคม 2552 นี้ ในปีมหามงคลทางรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ "จัดงานฉลองพระชันษา 96 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ" โดย "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกฯเป็นประธานในที่ประชุมเพื่อหารือ การจัดงานจะจัดขึ้นทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ทางสำนักเลขานุการฯได้จัดทำ "สายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช" ขึ้น เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและผู้สนใจทั่วไปร่วมผู้บริจาคในราคาชุดละ 199 บาท โดยวัตถุประสงค์หลัก จะนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จัดพิมพ์หนังสือพระนิพนธ์ในสมเด็จพระสังฆราชเพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยการแจกจ่ายเป็นธรรมทานไปยังวัดและสถานศึกษาทั่วประเทศ

[MI-6]

"พิธีกรรมมากไป"

บวรศักดิ์สอนพระสงฆ์ไทย

อยากให้..เน้นบริหาร

ว่าแต่วัดไหนก็ไม่รู้สินะที่เน้นเฉพาะพิธีกรรมน่ะ แต่ถ้าเป็น "วัดสระเกศ" ละก็คงหนาวแน่ เพราะวัดแห่งนี้มี "สมเด็จพระพุฒาจารย์" (เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.9) เป็นเจ้าอาวาสอยู่ สมเด็จเกี่ยวนั้นนอกจากจะเป็นพระอุปัชฌาย์ของ "ทิดบวรศักดิ์" ที่เคยบวชเพียงสั้นๆ เมื่อสองปีก่อนแล้วนั้น ปัจจุบันท่านก็ยังดำรงตำแหน่งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อันเป็นตำแหน่งสูงสุดทางการบริหารคณะสงฆ์ไทยอีกด้วย จะพูดจะจาอะไรก็ขอให้ดูหน้าพระอุปัชฌาย์อาจารย์เอาไว้บ้างนะ ทิดบวรศักดิ์นะ อย่าเอามันเข้าว่าอย่างเดียว

เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า อัดพระสงฆ์ไทย เน้นแต่พิธีกรรม จี้ปรับพฤติกรรมช่วยแก้วิกฤตสังคม แนะรัฐจัดตั้งสถาบันรวบรวมผู้ทรงคุณวุฒิด้านพระพุทธศาสนา เผยแผ่หลักธรรม

จากการเสวนาเรื่อง "พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาวิกฤติในสังคมไทย" ที่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เมื่อวันที่ 17 ก.ย. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า หากถามว่าพระพุทธศาสนาจะแก้ปัญหาวิกฤติในสังคมไทยได้หรือไม่ ไม่ขอตอบ แต่จะขอตอบว่าพระสงฆ์ไม่ควรไปยุ่งเรื่องของอาณาจักร หรือ เรื่องการเมือง แม้จะไม่มีกำหนดไว้ในพระธรรมวินัย ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่พระสงฆ์ควรที่จะเสนอหลักธรรม ให้ข้อคิดในการแก้ปัญหามากกว่า ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามว่าเวลาบ้านเมืองเกิดปัญหา ทำไม่ค่อยมีใครนึกถึงพระพุทธศาสนา ส่วนหนึ่งก็ต้องดูที่เหตุในพระพุทธศาสนา เพราะพระสงฆ์ในปัจจุบันจะเน้นเรื่องพิธีกรรมมาก ทั้งที่ควรให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือสังคม พุทธศาสนิกชน ขณะที่เนื้อหาในการเทศน์ รวมทั้งหลักธรรมที่จะสอน ควรที่จะปรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะในปัจจุบันประเทศไทยกำลังเกิดปัญหาเรื่อความยากจน เศรษฐกิจไม่ดี ก็ควรที่จะมีการนำเรื่อง พระมหาชนก พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงนำหลักธรรมของพระพุทธศาสนามาสอนประชาชนให้พึ่งตนเอง มีความเพียรในการฟันฝ่าอุปสรรค มาเทศน์สั่งสอน

เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เห็นว่าคณะสงฆ์ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี ควรมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการให้พระออกไปสอนพุทธศาสนิกชน ทั้งยังต้องมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการสอนที่ชัดเจน เพราะกลุ่มคนที่อายุต่างกัน มีอาชีพต่างกัน แม้จะใช้หลักธรรมในการสอนเรื่องเดียวกัน แต่การอธิบายความหมายจะต่างกัน ขณะเดียวกันอยากให้ คณะสงฆ์ กับรัฐบาลควรร่วมกันจัดตั้งสถาบันที่รวบรวมผู้ทรงคุณวุฒิด้านพระพุทธศาสนา เพื่อนำหลักธรรม คำสอนทางพระพุทธศาสนามาอธิบายใหม่ให้เข้ากับแต่ละกลุ่มอายุ อาชีพ และสถานการณ์ปัจจุบัน โดยที่ไม่ผิดหลักพระพุทธศาสนา เพื่อนำออกเผยแพร่ รวมทั้งสถาบันที่ผลิตพระนักเทศน์ เพราะในปัจจุบันแม้จะมีพระนักเทศน์ และพระนักเผยแผ่ที่มีความสามารถอยู่มาก แต่ยังเป็นการทำงานในลักษณะต่างคนต่างอยู่ จึงควรที่จะมีการจัดตั้งสถาบันที่จะรวบรวมพระกลุ่มดังกล่าวขึ้น หากทำสำเร็จเชื่อว่าจะช่วยทำให้คนเข้าใจหลักธรรม และไม่กล้าที่จะทุจริตแน่นอน

[MI-6]

สมัยก่อนแม่บอกว่า พวกที่ชอบด่าพระ ปากมักจะเท่ารูเข็มในชาติหน้า

[MI-6]

พระครูสังฆสิทธิกรอธิบายว่า เตรียมงานหลายอย่าง

โดยเฉพาะหนังสือนั้นเตรียมไว้แจกหลายหมื่นเล่ม
เพียงแต่..ยังไม่ได้ออกข่าว เท่านั้นเอง


ขอชี้แจงข่าว
การแจกหนังสือของพระสังฆราช

กราบเรียน พระมหานรินทร์ นรินฺโท

กระผม พระครูสังฆสิทธิกร ขออนุญาตอธิบายในเรื่องการจัดงานฉลองพระชันษา 96 ปี เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ที่ท่านอาจได้รับข้อมูลยังไม่ครบ

เนื่องด้วยงานนี้ ทางรัฐบาลได้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานบำเพ็ญกุศลฉลอง และมีการตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ขึ้น แม้กระทั่งการพิมพ์พระนิพนธ์ของเจ้าประคุณสมเด็จฯ เพื่อแจกจ่ายในช่วงวันงานประสูติก็มีจำนวนมากหลายหมื่นเล่ม ส่วนที่ท่านเข้าใจเรื่องการแจกน้ำมนต์ หรือการจัดทำสายรัดข้อมือนั้น เป็นส่วนงานของ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งไม่ได้เป็นคณะกรรมการจัดงานอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจทำให้ท่านเข้าใจผิดได้

จึงขอความกรุณา ถ้าจะตำนิใดๆ ก็ขอท่านช่วยกรุณา อ้างถึงสำนักเลขาฯ ได้โดยตรง เพื่อจะชี้แจงว่า ที่สำนักเลขาจัดสร้างหรือชวนพิมพ์หนังสือนั้น เนื่องจากสำนักเลขาไม่ได้อาศัยเงินจากวัดและมูลนิธิมหามกุฎฯ แต่ทำถวายกันเอง จากญาติโยมผู้มีความประสงค์ขอพิมพ์ เพื่อถวายเป็นธรรมทาน และก็มีคนจำนวนมากขอหนังสือพระนิพนธ์ของพระองค์มาที่สำนักงานฯ

ถ้าหากข่าวซึ่งอาจจะสร้างความรู้สึกเชิงลบกับท่าน ก็ขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้

ส่วนข่าวสาร เกี่ยวกับกิจกรรม นิทรรศการ การประชุมวิชาการนานาชาติ การแจกหนังสือพระนิพนธ์ในงานนั้น มีจำนวนมาก และกำลังทยอยออกข่าวในสัปดาห์หน้า หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ผมจะทยอยส่งให้ท่านครับ

หากท่านต้องการจะแสดงทรรศนะ ก็ขอน้อมรับ แต่ถ้ามีข่าวว่าในงานทางวัดมีหนังสือจำนวนมากแจก ก็อาจทำให้ข่าวสารของท่านไม่ถูกต้อง และขอยืนยันว่า มีแจกในงานไม่ใช่หลังงานอย่างแน่นอน

ขอบพระคุณอย่างสูง
พระครูสังฆสิทธิกร
หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ
สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

[MI-6]

เมื่อมีข้อโต้แย้งทางความคิด พระท่านก็มีวิธีการ ของท่านในการจัดการ

นับว่าเป็นสิ่งที่ควรแก่การศึกษา ไว้เป็นแนวทาง