คำสั่งลับ...จากลอนดอน !!!
2 posters
หน้า 1 จาก 1
คำสั่งลับ...จากลอนดอน !!!
.... ภายหลังจากที่ สมัครได้ทำการ "ปฏิวัติเงียบ" โดยการอาศัยการสร้างสถานการณ์ เพื่อเป็นข้ออ้างในการประกาศ "พรก.ฉุกเฉินฯ" เพื่อยึดอำนาจ คณะรัฐมนตรี และกระทรวงทบวงกรม รวมไปทั้งอำนาจในการบัญชาการ 3 เหล่าทัพมาไว้ในมือได้สำเร็จโดยปราศจากการเสียเลือดเนื้อ และการต่อต้านจากทหารและประชาชน
... ปฏิบัติการ " ยึดอำนาจ " โดยอาศัยแง่กฏหมาย " พรก.ฉุกเฉิน ฯ " นี้ อันที่จริงเป็นเจตนารมณ์ และอุดมการณ์ของ " ทักษิณ ชินวัตร " ที่วางหมากไว้ แต่ทำไม่สำเร็จ เนื่องจากถูกต่อต้านจาก ประชาชน และนักวิชาการ รวมไปถึงสื่อมวลชนทุกแขนง และเมื่อเวลาผ่านมาถึงยุค นายสมัคร ซึ่งเป็นตัวแทนของ " ทักษิณ " เข้าเป็นรัฐบาลก็สามารถความฝันของ " ทักษิณ " เป็นจริงได้ ตามคำสั่งของ " นายใหญ่ "
.... แต่กระนั้น สมัคร ก็ไม่สามารถไปถึงดวงดาวตามเป้าประสงค์ แม้ว่าจะยึดอำนาจทางการบังคับบัญชาได้ แต่ไม่สามารถสั่งการได้ เพราะผู้นำกองทัพดังจะเห็นได้ว่า เมื่อนายสมัคร ได้แต่งตั้งให้ พลเอกอนุพงษ์ ผบ.ทบ.ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะปฏิบัติการฯ เพื่อให้ดำเนินการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม(โดยนัยยะให้ใช้กำลังสลายขั้นเด็ดขาด) แต่ปรากฏว่า พลเอกอนุพงษ์ ผบ.ทบ. ก็สวนในทันทีทันควัน ด้วยถ้อยคำสุภาพ แต่แสบสันต์เหมือนน้ำกรดที่เย็นฉ่ำแต่ร้อนแรงและกัดลึกว่า "...กองทัพจะทำหน้าที่เพียง ...เจรจา..เท่านั้น..ไม่มากไปกว่านั้น !!."
... และไม่เพียงเท่านั้น พลเอกอนุพงษ์ ผบ.ทบ.ยังได้เดินทางเข้าพบ พลเอกเปรมฯ ประธานองคมนตรี เพื่อรายงานสถานการณ์
.... รูปการณ์ จึงเปลี่ยนไป เมื่อสถานการณ์กลายเป็นพระยาคชสารปะทะกันอย่างตรง ๆ ระหว่าง " นายใหญ่ " กับ " พลังภายใน " ดังปรากฏเป็นที่ประจักษ์แก่สังคมไทย ในเหตุการณ์ถอดถอนตำแหน่งนายสมัครออกจาก นายกรัฐมนตรี....
แก้ไขล่าสุดโดย SpecialForce เมื่อ Fri Sep 12, 2008 10:43 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
SpecialForce- จำนวนข้อความ : 89
Registration date : 04/09/2008
Re: คำสั่งลับ...จากลอนดอน !!!
คำสั่งสายตรงจาก นายใหญ่..." ให้คำวินิจฉัยออกมาว่า สมัครต้องไม่มีความผิด "
.... ซึ่ง ทีมทนายชุด "เหล่" ชี้ทางออกให้ศาลรัฐธรรมนูญว่า
1." สมัครไม่ใช่ลูกจ้าง "
2. " พิธีกร ไม่ใช่ตำแหน่งที่มีอยู่ในบริษัท "
ดังนั้น จึงมีคำวินิจฉัยว่า นายสมัคร จึงไม่มีความผิดตามคำฟ้อง ให้มติออกมา " เอกฉันท์ "
หมายเหตุ :::
ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ตัดสินในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ จึงสามารถวิจารณ์คำวินิฉัยได้โดยไม่มีความผิดใด ๆ
และ ในอดีต สมัคร และรัฐบาล ก็ไม่เคารพ หรือ ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว ในคดีหวยบนดิน ว่ารัฐบาลผิด
....โดยเฉพาะ ปัจจุบัน นายสมัครได้ทำ "ปฏิว้ติเงียบ" ประกาศภาวะฉุกเฉิน ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่มีอำนาจใด ๆ ในการตัดสินคดีการเมืองทั้งสิ้น ซึ่งปรากฏอยู่ในบทบัญญัติของ พรก.ฉุกเฉินฯ ชัดเจนแล้ว
ดังนั้น ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร ก็ไร้ความหมายทางกฏหมาย ไม่มีอำนาจบังคับโดยสิ้นเชิง
.... ซึ่ง ทีมทนายชุด "เหล่" ชี้ทางออกให้ศาลรัฐธรรมนูญว่า
1." สมัครไม่ใช่ลูกจ้าง "
2. " พิธีกร ไม่ใช่ตำแหน่งที่มีอยู่ในบริษัท "
ดังนั้น จึงมีคำวินิจฉัยว่า นายสมัคร จึงไม่มีความผิดตามคำฟ้อง ให้มติออกมา " เอกฉันท์ "
หมายเหตุ :::
ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ตัดสินในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ จึงสามารถวิจารณ์คำวินิฉัยได้โดยไม่มีความผิดใด ๆ
และ ในอดีต สมัคร และรัฐบาล ก็ไม่เคารพ หรือ ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว ในคดีหวยบนดิน ว่ารัฐบาลผิด
....โดยเฉพาะ ปัจจุบัน นายสมัครได้ทำ "ปฏิว้ติเงียบ" ประกาศภาวะฉุกเฉิน ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่มีอำนาจใด ๆ ในการตัดสินคดีการเมืองทั้งสิ้น ซึ่งปรากฏอยู่ในบทบัญญัติของ พรก.ฉุกเฉินฯ ชัดเจนแล้ว
ดังนั้น ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร ก็ไร้ความหมายทางกฏหมาย ไม่มีอำนาจบังคับโดยสิ้นเชิง
Re: คำสั่งลับ...จากลอนดอน !!!
กรณีเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ " ไม่ได้ตัดสินในพระปรมาภิไธย " เนื่องจาก
1. " พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นสถาบันอันอยู่เหนือการเมือง จึงมิอาจเกี่ยวข้องใด ๆ ทางการเมือง ทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ "
2. กรณีที่ตัดสินในพระปรมาภิไธย เช่น แพ่ง อาญา อย่างนี้ใช่ จะมีบทลงโทษ และ ผู้พิพากษานั้นสามารถให้ผู้กล่าวคำผรุสวาทต่อหน้าบัลลังก์เข้าคุกเสียก่อนก็ได้ ในขณะเบิกความ(อธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจ...ว่ากันง่าย ๆ ไม่ใช้ภาษากฏหมาย) และเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว ผู้ที่ถูกตัดสินให้มีความผิด หรือ ต้องรับโทษ จะต้องปฏิบัติตาม โดยไม่มีข้อแม้ หากไม่ปฏิบัติตามก็มีความผิดซ้ำซ้อนขึ้นอีก แต่จะเห็นว่า เมื่อครั้งก่อนศาลรัฐธรรมนูญได้พิพากษาให้ "รัฐบาล" และ "บุคคลในรัฐบาล" มีความผิด เรื่องหวยบนดิน ซึ่งความจริงนายสมัครและคณะต้องพ้นสภาพตามคำวินิจฉัยไปแล้ว แต่นายสมัคร และ คณะก็ไม่ได้ปฏิบัติตาม และก็ ไม่มีบทลงโทษผู้ไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัย ซึ่งแตกต่างจาก ศาลสถิตยุติธรรม อย่างเห็นได้ชัด
ในกรณีการตัดสินคดี " กินไป - บ่นไป " ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายสมัคร มีความผิดต้องพ้นสภาพนายกรัฐมนตรี อันที่จริงไม่มีผลใด ๆ จากคำวินิจฉัยเลยแม้แต่น้อย
เพราะศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ฯ จึงอยู่ภายใต้การประกาศ พรก.ฉุกเฉินฯ ดังนั้นอำนาจการตัดสินคดีความจึงต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติแห่ง พรก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งได้กำหนดไว้ แม้แต่ศาลปกครองสูงสุดก็อยู่ในสภาพเดียวกัน
1. " พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นสถาบันอันอยู่เหนือการเมือง จึงมิอาจเกี่ยวข้องใด ๆ ทางการเมือง ทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ "
2. กรณีที่ตัดสินในพระปรมาภิไธย เช่น แพ่ง อาญา อย่างนี้ใช่ จะมีบทลงโทษ และ ผู้พิพากษานั้นสามารถให้ผู้กล่าวคำผรุสวาทต่อหน้าบัลลังก์เข้าคุกเสียก่อนก็ได้ ในขณะเบิกความ(อธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจ...ว่ากันง่าย ๆ ไม่ใช้ภาษากฏหมาย) และเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว ผู้ที่ถูกตัดสินให้มีความผิด หรือ ต้องรับโทษ จะต้องปฏิบัติตาม โดยไม่มีข้อแม้ หากไม่ปฏิบัติตามก็มีความผิดซ้ำซ้อนขึ้นอีก แต่จะเห็นว่า เมื่อครั้งก่อนศาลรัฐธรรมนูญได้พิพากษาให้ "รัฐบาล" และ "บุคคลในรัฐบาล" มีความผิด เรื่องหวยบนดิน ซึ่งความจริงนายสมัครและคณะต้องพ้นสภาพตามคำวินิจฉัยไปแล้ว แต่นายสมัคร และ คณะก็ไม่ได้ปฏิบัติตาม และก็ ไม่มีบทลงโทษผู้ไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัย ซึ่งแตกต่างจาก ศาลสถิตยุติธรรม อย่างเห็นได้ชัด
ในกรณีการตัดสินคดี " กินไป - บ่นไป " ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายสมัคร มีความผิดต้องพ้นสภาพนายกรัฐมนตรี อันที่จริงไม่มีผลใด ๆ จากคำวินิจฉัยเลยแม้แต่น้อย
เพราะศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ฯ จึงอยู่ภายใต้การประกาศ พรก.ฉุกเฉินฯ ดังนั้นอำนาจการตัดสินคดีความจึงต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติแห่ง พรก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งได้กำหนดไว้ แม้แต่ศาลปกครองสูงสุดก็อยู่ในสภาพเดียวกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Admin เมื่อ Tue Sep 09, 2008 5:16 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Re: คำสั่งลับ...จากลอนดอน !!!
1. ศาลสถิตย์ยุติธรรม คือ ศาลแพ่ง ศาลอาญา ศาลเยาวชน (ศาลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีการเมือง มาจากสายงานยุติธรรมโดยตรง ผ่านเนติฯ ผ่านการสอบเป็นผู้พิพากษา ก่อนจึงโปรดเกล้า ฯ) ศาลเหล่านี้เป็นศาลที่ทำการในพระปรมาภิไธย พระมหากษัตริย์ ผู้ใดจะล่วงละเมิด หรือ วิจารณ์คำพิพากษาของศาลมิได้(เป็นความผิดเกี่ยวกับตุลาการมีบทลงโทษทางอาญา จำคุก หรือ ปรับ=ไปเปิดดู ป.อาญา) ไม่ว่าจะมีการปฏิวัติ-รัฐประหารกี่ร้อยครั้ง ผู้พิพากษายังคงทำหน้าที่ต่อไปไม่มีหมดอายุ นอกจากเกษียร
2. ศาลอันเกี่ยวเนื่องด้วยการเมือง คือ ศาลปกครอง ศาลฏีกาฝ่ายการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญ(เกี่ยวข้องกับการเมือง มาจากการสรรหา-แต่งตั้ง ก่อนจึงโปรดเกล้าฯ ...) ศาลเหล่านี้ตั้งขึ้นโดยอาศัยอำนาจทางการเมือง และรัฐธรรมนูญ เมื่อมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญ หรือ ปฏิวัติ-รัฐประหาร ก็เปลี่ยนตัวบุคคลที่จะมาทำหน้าที่เป็นคณะผู้พิพากษา
3. กรณีที่ได้ยกตัวอย่างกล่าวถึง ดดี นต.ประสงค์ นั้น หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าเป็นการฟ้องตามประมวลกฏหมายอาญาลหุโทษ ว่าด้วย "หมิ่นประมาท" ทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่ฟ้องในข้อหาหมิ่นตุลาการ(ผู้พิพากษา) ซึ่งคนละฐานความผิด คนละมาตรา
....ในกรณีที่มีผู้อ้างถึงเรื่องโปรดเกล้าฯ แล้วจะเป็นการทำการในพระปรมาภิไธย นั้น ...คงเป็นการเข้าใจสับสน เพราะการโปรดเกล้าฯ และพระราชทานโอวาทนั้น มีอยู่ทุกระดับของข้าราชการ แม้แต่ นักเรียน เสนาธิการทหาร, ทูต ฯลฯ ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และพระราชทานวโรกาสให้เข้าเฝ้า พระราชทานพระบรมราโชวาท ทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้มิได้หมายถึงว่า ท่านเหล่านั้นทำการในพระปรมาภิไธย เฉกเช่น "ท่านผู้พิพากษา-ตุลาการ" (ตามข้อ 1)
....ที่ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องแบบ ตราประทับ รวมทั้งแบบบัตรประจำตัว เอกสารงานราชการ ทุกอย่างที่เป็นระบบศาลสถิตย์ยุติธรรม(ตามข้อ1) จะมี พรบ.รองรับ ระบุ ขนาด สัดส่วนเฉพาะไว้ว่า สีอะไร มีอักษรข้อความอย่างไร
.... แต่ยังไม่ปรากฏ พรบ.ที่ออกมารองรับ เครื่องแบบ ตรา บัตรประจำตัวของศาลรัฐธรรมนูญ ดังเช่นข้าราชการศาลดังที่กล่าวตามข้อ1
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ความจริง เป็นเรื่องภายในที่รู้ ๆ กันอยู่ แต่ที่ให้เกียรติศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ไปก้าวล่วงก็เพราะว่าส่วนใหญ่ ก็เป็นอดีตท่านผู้พิพากษา เคยทำหน้าที่ในศาลสถิตยุติธรรม(ตาม1) กันมาแล้วทั้งสิ้น เปรียบง่าย ๆ เหมือนกับว่า ศาลรัฐธรรมนูญคือกำนัน หรือ ผู้ใหญ่บ้าน มีหน้าที่บอกลูกบ้านว่าถูกหรือผิด ส่วนลูกบ้านจะทำตามหรือไม่ ? ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ศาลสถิตยุติธรรม(ตาม 1) เปรียบเหมือนตำรวจ จับได้เลย เอาเข้าซังเตไว้ก่อนได้ ...
2. ศาลอันเกี่ยวเนื่องด้วยการเมือง คือ ศาลปกครอง ศาลฏีกาฝ่ายการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญ(เกี่ยวข้องกับการเมือง มาจากการสรรหา-แต่งตั้ง ก่อนจึงโปรดเกล้าฯ ...) ศาลเหล่านี้ตั้งขึ้นโดยอาศัยอำนาจทางการเมือง และรัฐธรรมนูญ เมื่อมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญ หรือ ปฏิวัติ-รัฐประหาร ก็เปลี่ยนตัวบุคคลที่จะมาทำหน้าที่เป็นคณะผู้พิพากษา
3. กรณีที่ได้ยกตัวอย่างกล่าวถึง ดดี นต.ประสงค์ นั้น หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าเป็นการฟ้องตามประมวลกฏหมายอาญาลหุโทษ ว่าด้วย "หมิ่นประมาท" ทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่ฟ้องในข้อหาหมิ่นตุลาการ(ผู้พิพากษา) ซึ่งคนละฐานความผิด คนละมาตรา
....ในกรณีที่มีผู้อ้างถึงเรื่องโปรดเกล้าฯ แล้วจะเป็นการทำการในพระปรมาภิไธย นั้น ...คงเป็นการเข้าใจสับสน เพราะการโปรดเกล้าฯ และพระราชทานโอวาทนั้น มีอยู่ทุกระดับของข้าราชการ แม้แต่ นักเรียน เสนาธิการทหาร, ทูต ฯลฯ ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และพระราชทานวโรกาสให้เข้าเฝ้า พระราชทานพระบรมราโชวาท ทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้มิได้หมายถึงว่า ท่านเหล่านั้นทำการในพระปรมาภิไธย เฉกเช่น "ท่านผู้พิพากษา-ตุลาการ" (ตามข้อ 1)
....ที่ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องแบบ ตราประทับ รวมทั้งแบบบัตรประจำตัว เอกสารงานราชการ ทุกอย่างที่เป็นระบบศาลสถิตย์ยุติธรรม(ตามข้อ1) จะมี พรบ.รองรับ ระบุ ขนาด สัดส่วนเฉพาะไว้ว่า สีอะไร มีอักษรข้อความอย่างไร
.... แต่ยังไม่ปรากฏ พรบ.ที่ออกมารองรับ เครื่องแบบ ตรา บัตรประจำตัวของศาลรัฐธรรมนูญ ดังเช่นข้าราชการศาลดังที่กล่าวตามข้อ1
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ความจริง เป็นเรื่องภายในที่รู้ ๆ กันอยู่ แต่ที่ให้เกียรติศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ไปก้าวล่วงก็เพราะว่าส่วนใหญ่ ก็เป็นอดีตท่านผู้พิพากษา เคยทำหน้าที่ในศาลสถิตยุติธรรม(ตาม1) กันมาแล้วทั้งสิ้น เปรียบง่าย ๆ เหมือนกับว่า ศาลรัฐธรรมนูญคือกำนัน หรือ ผู้ใหญ่บ้าน มีหน้าที่บอกลูกบ้านว่าถูกหรือผิด ส่วนลูกบ้านจะทำตามหรือไม่ ? ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ศาลสถิตยุติธรรม(ตาม 1) เปรียบเหมือนตำรวจ จับได้เลย เอาเข้าซังเตไว้ก่อนได้ ...
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|