บอร์ดนรกเดียวกัน

[MI-6]

เข้าไปค้นข้อความเกี่ยวกับเรื่องหนึ่ง แล้วเข้าไปในบอดร์ด ฟ้าเดียวกัน แบบบังเอิญ เจอเรื่องที่จับใจเข้า

เกี่ยวกับสถาบัน ฯ คนหนึ่งโพสต์บอกว่า สถาบันควรมีอยู่ เพราะเป็นศูนย์รวมจิตใจ
อีกคนบอกว่า เหตุผลของคนแรกไม่ครบถ้วน แล้วก็ โต้แย้งกันไปมา

เดาว่าเป็นนักวิชาการล้วนๆ หรือ เป็นนักคิดสติเฟื่อง

เพราะการเล่นลิ้น เล่นอักษร การใช้ข้อความแบบฟุ่มเฟือย เขียนเพื่อให้โวหารดี อ่านไม่รู้เรื่องเข้าไว้
จะทำให้ข้อความ ดูดี นี่คือ สิ่งที่เกิดขึ้นในเน็ต ทุกวันนี้ หลายกระดาน

บอร์ดเวรนั่น ควรเปลี่ยนชื่อเป็น นรกเดียวกัน

เพราะอ่านแนวคิดทั้งหลาย ยังมองไม่เห็นทางที่จะสร้างปัญญาได้ นอกจากอ่านแล้วเห็นแต่ปัญหา ในตัวคนเขียน
เราเข้าไปโพสต์ไม่ได้ เพราะว่า ไม่ได้เป็นสมาชิก

เมืองไทยเต็มไปด้วยนักกฎหมาย นักวิชาการที่สติเฟื่อง เขียนและพูดในสิ่งที่เรียนมา ในแบบที่ว่าหาเวทีแสดงออกยาก เมื่อมีโอกาสก็เลย ใส่เต็มแรง

ในกระทู้นั้น บอกว่า ระบบสถาบันฯ จะได้รับผลกระทบ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ แล้วก็บอกว่าประชาชนอาจไม่กระทบ แต่ประชาชนน่าจะเลือกหาสิ่งที่เป็นเสรีจริงๆ ต่อตัวเอง มากกว่าจะยึดติดกับเรื่องสถาบันใด

กลับมาที่คำว่า loyalty อีกอย่างช่วยไม่ได้ คำนี้มันกำลังถูกหาว่าเป็นความโง่ เป็นเรื่องเพ้อฝัน

แต่หากคนไร้สิ่งที่ยึดเหนี่ยว ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือสถาบันใดๆ ที่จะรวมความเป็นชาติไว้ได้
การมีศูนย์รวม มิใช่มีไว้เพื่อเป็นร่มกันฝน เป็นโล่ห์กันหมาป่าไล่กัด เป็นเสื้อเกราะกันกระสุน เวลาที่ไปก่อหวอด แล้วอ้างว่าเพื่อสถาบันฯ แต่เป็นสิ่งที่เหนือกว่านั้น นั่นคือ เป็นสิ่งที่จะใช้รวมพลัง ในการรักษาสถาบันไว้ได้ เรามีสามสถาบัน ซึ่งต่างมีหน้าที่ และรักษาสมดุลของกันและกัน ทั้งสามสถาบันต่างมีความหมายของตนเอง

การรวมพลังก็เพื่อความดำรงอยู่ของสถาบันฯ ทั้งสาม ย้ำว่าต้องสาม และ หนึ่งในนั้นคือ ชาติ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ไม่ใช่ธงที่คนบอกว่าไม่จำเป็นต้องเห็นความสำคัญ ไม่ใช่เพลงชาติที่คนบอกว่าร้องไม่ได้ก็ไม่ได้แปลว่าไม่รักชาติ แต่ก็คือ ประชาชน คือ พวกเรา คือคนไทยทุกๆ คนที่อาศัยบนแผ่นดินนี้ด้วย

หรือว่าลืมกันไปแล้ว

[MI-6]

การขายสินค้า กับ การขายความเชื่อ ใช้วิธีเดียวกัน คือปกปิดคุณภาพจริงของสิ่งที่ต้องการขาย ถ้าบอกก็บอกไม่หมด คนขายของไม่เคยบอกว่า ที่ขายในราคานี้ เพราะว่าเขาจะได้กำไรเท่านั้นเท่านี้ ส่วนลดที่เขาให้เรานั้น ดูเหมือนมาก แต่ถ้าไม่ลดเท่านั้น เขาจะเสียหายมากกว่าเงินที่เสียให้เรา ฯลฯ

การขายความเชื่อก็เช่นกัน ที่เขาจะเบนความคิดของเราให้เห็นเรื่องอื่น แทนที่จะมองถึงผลกระทบที่เกิดกับเรา คนขายสินค้าหมดอายุ โดยลดราคา เพื่อล่อให้คนซื้อมองจำนวนเงินที่จ่ายน้อยลง แต่ลืมดูวันหมดอายุของสินค้า

การที่เขาอยากให้เราเชื่อว่า ระบบนั้นไม่ดี ระบบนี้จึงดี เพราะจะสร้างความเท่าเทียมและมาตรฐานเดียวกันให้กับคนในสังคม ซึ่งเป็นการตอแหล แบบหน้าด้านๆ เรื่องที่ว่านั้นไม่มีในโลก

แม้แต่ประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ เดินเท้าพันลี้ เพื่อหาความเท่าเทียมกัน ก็ยังไม่เท่า ความเท่าเทียมกันจะเกิดขึ้นในวันที่ทุกคนร่วมกันเดิน เพื่อล้มล้างระบบเดิม

แต่มันจะเปลี่ยนไป เมื่อปฏิบัติการนั้นสำเร็จแล้ว ความเท่าเทียมจะหายวับไปกับตา ชนิดที่กระโดดคว้าไม่ทัน

เช่นเดียวกับการเป็นประชาธิปไตย ที่อาจเกิดในวันเดียว คือ วันที่ไปลงคะแนน ก่อนหน้าที่จะมีผู้ชนะ ผุ้แพ้เลือกตั้ง และเมื่อมีการสรุปข้างได้แล้ว ประชาธิปไตยก็กลายเป็นแค่ความฝัน ที่จะมีอีกครั้งก็ในการเลือกตั้งคราวต่อไป เท่านั้นเอง

[MI-6]

บอกตามตรงว่า ดิฉันรู้สึกชิงชังมาก กับบรรดาคนที่อวดรู้ตามสถานที่ต่างๆ ที่เรียกตัวเองว่านักวิชาการ
ไม่ได้เป็นเพราะตัวเองเรียนน้อยหรอกนะ

อย่างหนึ่งที่มันควรอยู่ในจิตสำนึก จิตสำนึกค่ะ ไม่ใช่จิตใต้สำนึก คือ อยู่แก่นใจของเราว่า เราต้องเห็นชาติ และ ผลประโยชน์ของชาติเรามาเป็นอันดับแรก

การจะพูด เขียนอะไรก็ตาม หากไม่มีส่วนสร้างมูลค่าเพิ่ม ในทุกกรณี ให้กับประเทศของเรา ก็ต้องละเว้น
วิชาการเก็บไว้สอนในห้องเรียน ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนเขาอยากจะเข้าไปรับสิ่งนั้นจากพวกคุณจะดีกว่า

การพูดในเชิงวิชาการ จะกระทำหากพบว่า เกิดพฤติกรรม และ ผล อันเกิดจากความไม่ชอบมาพากล ซึ่งทำให้ชาติ ขาดทุน เสียหาย ป่นปี้ นั่นต้องช่วยกันพูด

การพูดเพื่อซ้ำเติมประเทศตัวเอง จะไม่ทำเด็ดขาด แม้ว่าเมื่อเขียนออกไปแล้ว คนอ่านอาจให้คะแนนคุณเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยซ้ำ

นักวิชาการ ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงว่านำเรื่องที่เห็น ทั้งในอดีต ปัจจุบัน มาเทียบกับหลักทฤษฎีที่ไปเรียนมา แล้วก็บอกว่า ที่เรียนมานั้น แบบไหนคือแบบที่ดีที่สุด

นักวิชาการที่แท้จริง ควรเป็นผู้ที่กระจ่างแจ้ง ในหลักวิชาการที่ไปเรียนมา เป็นการทะลวงจุดชีพจรแห่งความหยั่งรู้ ไปสู่เรื่องอื่นๆ แตกแขนงออกไป อย่าคิดแต่จะต่อยอดอย่างเดียว ขยายตัวในแนวนอนก็ได้ เพราะทุกอย่างมันไม่ได้มาจากรากฐานเดียวกัน จะต่อยอดได้ยังไง

แต่ไม่ใช่ว่าไปเรียนการทำอาหารฝรั่งมา แล้วก็กลับมาบอกว่า อาหารไทยปรุงผิด ต้องทำอย่างฝรั่ง
คือ ทำง่ายๆ ชุ่ยๆ เข้าไว้ ข้าวสารที่เราหุงกินเป็นเมล็ดงดงามและหอมกรุ่น ก็บอกว่าเสียเวลา สู้ทำแบบฝรั่งคือ กินมันฝรั่งอบ บด จนเละ เหมือนอ้วกเด็ก นั่นดีกว่า
(ก็เขาไม่มีวัฒนธรรมในการกินอย่างเรานี่นา อะไรง่ายๆ รวบรัดก็เอาไว้ก่อน ไม่งั้นจะมีอาหารกินด่วนหรือ)

[wincha]

เข้าไปค้นข้อความเกี่ยวกับเรื่องหนึ่ง แล้วเข้าไปในบอดร์ด ฟ้าเดียวกัน แบบบังเอิญ

ไม่ทราบว่าคุณเอ็มไอหกพึ่งได้เคยเข้าไปอ่านรึเปล่า
บอร์ดฟ้าเดียวกัน ผมตามมา 3 ปีแล้ว
มีแต่คนโพสหมิ่นสถาบัน แรงกว่าที่คุณเอามาบอกอีกเยอะแยะ
ใช้คําหยาบคายกับการเรียกพระราชวงศ์องค์ต่างๆ
และด่าอย่างไม่มีชิ้นดีเลย ซึ่งผมเอามาบอกต่อไม่ได้เพราะใช้แต่คําแรงๆ
โพสกันเป็นร้อยคน (รวมตัวกันสร้างลัทธิล้มสถาบัน)
ถ้าคุณเป็น royalist เจอแค่นี้ก็ปวดหัวแล้วผมว่าอย่าเข้าไปอ่านเลยดีกว่า
เพราะมีแรงกว่าที่คุณพูดอีกเยอะมากๆๆๆ

[MI-6]

ก่อนหน้านี้เคยเข้าไปอ่านแล้ว ที่แรงกว่านี้ก็เจอ แต่ว่า กรณีนี้ไปพบ ความพยายามจะหาเหตุผล ของคนที่ไม่หวังดี
ตามที่ยกตัวอย่างไป

ไม่ได้เป็นนักอ่านประจำของที่นั่นหรอก เพราะว่า หลายกระดาน เข้าไปอ่านแล้ว บางทีไม่สบายใจ แล้วก็โกรธมาก
รวมทั้งไม่เข้าใจว่า คนจำพวกนี้ยังมีอีกหรือ

พวกที่เรียกร้องอะไรสักอย่าง ที่เขาเองคงจะไม่มั่นใจว่ามันมีอยู่จริง

สังคมใดก็ตาม บนโลกนี้ ต่อให้มีขนาดเล็กแค่ไหน ก็ไม่มีความเท่าเทียมแบบ 100 % ลองดูในบ้านเขาก็ได้
เอาง่ายๆ ในบอร์ตของเขานั่นแหละ มีความเท่าเที่ยมกันไหม ผู้ดูแลบอร์ดมีสิทธิพิเศษเหนือ คนเข้าไปเยี่ยมชมหรือไม่ มีความเที่ยงธรรมในการนำเสนอความเห็นหรือไม่ เอาเท่านั้นก็พอ

ความพยายามที่จะล้มล้างสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อให้กับ อีกสิ่งหนึ่งมาแทนที่
คนที่ฟังแล้วเคลิ้มไปด้วย คิดว่ามีอยู่จริง ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนไป และไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่า ความเปลี่ยนแปลงที่คนส่วนหนึ่งพยายามสร้างมันขึ้นมา จะสร้างสิ่งที่ดีและเหมาะสมให้กับแผ่นดินของเราหรือไม่

ดิฉันถือว่าพวกนี้เป็น จำพวกกินบนเรือน และขับของเสีย (อึ) ทางปาก บนหลังคา

[MI-6]

พวกสัตว์ชั้นต่ำ ที่มีจำนวนเซลส์น้อย สัตว์เซลเดียว และมักเป็นพวกพาราสิต คือ หากินเองไม่ได้ ต้องเกาะสิ่งมีชีวิตเพื่อดูดอาหาร

พวกนี้ปากกับก้นอยู่อันเดียวกัน ดังนั้น กินก็ทางนี้ อึก็ทางเดียวกัน หากพูดได้ ก็คงเป็นที่เดิมแหละ

เปรียบกับพวก ไม่รู้คุณแผ่นดิน ก็คิดว่าดีเกินไปด้วย

[sukkawa]

เควี่ย คือ สัตว์ประเภทหนึ่งที่เกิดจากคน ที่มีสันดานเป็นเฮี้ย และหน้าด้านเหมือนควาย

สัตว์จำพวกนี้ไม่ยางอาย ต่อมคุณธรรม และฮอร์โมนศีลธรรม กัดกินผืนแผ่นดินบรรพบุรุษเป็นอาหาร สัตว์จำพวกนี้

น้ำหนักตัวค่อนข้างมาก สังเกตได้จาก หากพวกมันตายไปตัวหนึ่งจะรู้สึกว่าแผ่นดินสูงขึ้น ชอบอาศัยอยู่ตามที่

ชื่นแฉะและบริเวณที่มีความชั่วหนาแน่น เช่นตามสภาและเวทีต่างๆ ที่หลบภัยคือ ใต้กระโปง ในระบบนิเวศน์สัตว์

จำพวกนี้จัดว่าเป็น "ผู้สร้าง"โดยจะมีความชำนาญพิเศษในการ "สร้างเรื่อง, สร้างสถานการณ์, สร้างปัญหา, และ

สร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย

ข้อดีของสัตว์จำพวกนี้คือ "เอาไว้ทำปุ๋ย"

รูปร่างทั่วไปคล้ายคน

แต่ตัวจริงที่ซ่อนอยู่ภายในน่าจะมีลักษณะประมาณนี้ (ลองพิจารณาดูน่ะครับ)
(แปลกพิลึก)

[MI-6]

เริ่มวิตกจริต ว่า ทำปุ๋ยได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ กลัวว่าจะเป็นสองประการ
อย่างแรก ปลูกพืชไม่ขึ้นเพราะทำให้ดินเป็นพิษ อันนี้น่ากลัว แต่ก็ยังพอทน
อย่างสอง น่ากลัวกว่า เพราะจะได้ต้นไม้พิษด้วย กลายเป็นต้นเควี่ย อันนี้สิ น่ากลัว
เพราะท่าจะกำราบยาก

ที่ดีที่สุดคือ เก็บไว้ในสภาพเดิม แต่ต้องหาสุสานขยะ สำหรับทิ้งของเสียในอวกาศ แบบสุสานหุ่นยนต์
หรือ สารกัมมันตภาพรังสี นั่นเลย

จำพวกนี้ อยู่ก็มีปัญหา ตายไปก็ยังสร้างปัญหาได้