Any Doc!!!!
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

ศิษย์มีครู

Go down

ศิษย์มีครู Empty ศิษย์มีครู

ตั้งหัวข้อ  tang may Fri Jan 16, 2009 2:56 pm

ศิษย์มีครู Teacher_cartoon_qjgenth
ตอนแรกก็แปลกใจว่า ทำไมหนอ วันนี้รถไม่ติด นึกว่า นักเรียนปิดสอบไล่ สอบกลางเทอม สอบเข้ามหาวิทยาลัย ดูปฏิทิน เพิ่งนึกออกว่า นี่คือวันครู วันที่ ๑๖ มกราคม

สองมือ ต่างมาลัย
หนึ่งดวงใจ น้อบนบไหว้
อาจอยู่ ห่างกันไกล
ส่งจิตไป กราบไหว้ครู

tang may
ผู้มาเยือน


ขึ้นไปข้างบน Go down

ศิษย์มีครู Empty วันไหว้ครู

ตั้งหัวข้อ  tang may Fri Jan 16, 2009 3:22 pm

ปกติ วันไหว้ครูจะเป็นวันทำการ คือวันที่โรงเรียนไม่หยุด ก่อนวันครูหนึ่งวัน ตอนเรียนชั้นประถม เรียนโรงเรียนคริสต์ วันครูก็จะมีการร้องเพลง สวดไหว้ครู ที่ขึ้นต้นด้วย ปาเจรา จริยาโหนตุ คุณุตรา นุสาสักการ ฯลฯ อาจเพี้ยนเล็กน้อย ...

ข้าฯ ขอประนบน้อมสักการ
บูรพคณาจารย์ ผู้ก่อเกิดประโยชน์ศึกษา
ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา อบรมจริยา
แก่ข้าฯ ในกาลปัจจุบัน ฯลฯ

ข้าฯ ขอเคารพ อภิวันท์
ระลึกคุณอนันต์ ด้วยใจนิยมบูชา
ขอเดชกตเวทิตา อีกวิริยะพา
ปัญญาให้เกิดแตกฉาน
ศึกษาสำเร็จทุกประการ
อายุยืนนาน อยู่ในศีลธรรมอันดี
ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี
ประโยชน์ทวี แก่ข้าฯ และประเทศไทยเทอญ

รู้สึกจะเพี้ยนชอบกล หากใครเคยมีแบบนี้ ก็โปรดแก้ไขด้วย

จากนั้น ก็จะร้องเพลง พระคุณที่สาม ซึ่งทำไมจึงลืมตอนต้นไปแล้วละนี่....

tang may
ผู้มาเยือน


ขึ้นไปข้างบน Go down

ศิษย์มีครู Empty ต้องการความช่วยเหลือจาก ข้าราชการ C 6 ขึ้นไป

ตั้งหัวข้อ  tang may Fri Jan 16, 2009 4:01 pm

ต้องการความช่วยเหลือจากข้าราชการ ซี ๖ ขึ้นไปค่ะ ....เป็นงานไม่ยากอะไรเลย แค่รับรองความประพฤติ ให้เราเท่านั้น (นี่แหละยากที่สุดเลย)

tang may
ผู้มาเยือน


ขึ้นไปข้างบน Go down

ศิษย์มีครู Empty ปัญญาวุฑฒกะเรเต เต ทินโนวาเท นมามิหัง

ตั้งหัวข้อ  tang may Fri Jan 16, 2009 7:44 pm

แก้ไข บทขึ้นต้นคำไหว้ครู ต้องเป็นดังนี้ ... ปาเจรา จริยาโหนติ คุณุตตะรา นุสาสะกา
แล้ว ตอนท้ายจบด้วย... ปัญญา วุฒิ กะเรเตเต ทินโนวาเท นะมามิหัง...

ชั้นมัธยม เข้าโรงเรียนรัฐบาล ซึ่งมีสวดมนต์ทุกวันจันทร์ ในหอประชุม การไหว้ครูก็ทำพิธีในหอประชุมนั้น
โดยมีครูอาวุโส และคณะครู นั่งให้นักเรียนขึ้นไปกราบ (ตัวแทน)

ตอนเรียนมัธยม จำได้ว่าเวลาพบครู จะต้องคุกเข่าเข้าไป เหมือนกันทั้งสอง โรงเรียน ซึ่งสมัยนี้อาจมีน้อยไปแล้วก็ได้

อาจเป็นเพราะว่าสมัยก่อน คนยังมีน้อยอยู่ ครูก็เลยมีเวลาที่จะพิถีพิถัน ตรวจการบ้านให้นักเรียนมากกว่าเดี๋ยวนี้
การเรียนการสอนในวิชาต่างๆ ก็ละเอียดมาก

จำได้ว่า มีอยู่วิชาหนึ่ง คือ คัดภาษาอังกฤษ Hand Writing ในสมัยนั้น จะต้องใช้ปากกาคอแร้ง ที่เป็นปลายแหลมแล้วก็จุ่มในขวดหมึก เด็กๆสมัยนี้ไม่รู้จักแล้ว เผลอๆ คนอ่านก็รู้จักกันน้อยรายเสียด้วย

มีครั้งหนึ่ง ใช้ปากกาที่เป็นปากกาดัดแปลง เหมือนกับปากกา หมึกซึม เขียนแทน ปรากฎว่า ครูตรวจแล้วก็เขียนกลับมาในหนังสือว่า What kind of pen ? ใช้ปากกาชนิดใดเขียน ? ครูที่สอนวิชานี้เข้มงวดมาก เวลาสอนจะดุมาก ไม่เคยพูดเล่น และ ไม่เคยยิ้มแบบเล่นหัวเลย เป็นครูผู้หญิง แล้วก็มีอายุมากแล้วในตอนนั้น

น่าแปลกที่บางอย่างยังจำได้มาถึงสมัยนี้ แล้วก็อดเสียดายแทนเด็กๆ รุ่นใหม่ไม่ได้ว่า ไม่มีโอกาสได้เจอครูแบบสมัยก่อนที่เคยพบ

เด็กๆ อาจเถียงแล้วก็คิดว่า มันเชย และล้าหลังไปแล้ว สมัยนี้ไม่ต้องเรียนกับครูที่เป็นตัวเป็นๆ เขาเรียนผ่านอินเตอร์เน็ต อยากทราบอะไรก็ค้นได้ในนี้ทั้งนั้น ที่นิยมกันมากก็ กูเกิ้ล แล้วก็ไปจนแต้ม ที่วิกิพีเดีย กันทุกคน

ดังนั้น มันก็กลายเป็นการลอกการบ้านจากแหล่งเดียวกัน ใครจะโพสต์อะไร ก็จะได้สิ่งเดียวกับคนอื่น

เวลาค้นจะค้นหาในยาฮู แล้วก็ไม่คิดจะลอกวิกิฯ มาทั้งหมด ที่เป็นเช่นนั้นเพราะไม่ชอบอะไรที่เหมือนกับคนอื่น เวลาอ่านแล้วมันน่าเบื่อจะตายไป ที่มีแต่ซ้ำๆ

ตอนเล่นเน็ตใหม่ ๆ รู้สึกว่า แหล่งข้อมูลในนี้มีมากมาย จนลืม สื่อที่เป็น วัสดุ หรือที่เรียกกันว่า hard copy หนังสือ สิ่งพิมพ์ไป แต่หลังๆ รู้สึกว่า ในเน็ตก็ซ้ำๆ แล้วบางทีก็ไม่ได้เป็นเรื่องจริง เสียทั้งหมด การอ่าน ค้นคว้าในแหล่งอื่นๆ จึงควรเป็นสิ่งที่ดีกว่า

คิดแล้วอาจมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไปก็ได้ว่า อนาคต เราอาจได้รับรู้ และอ่านอะไรที่บิดเบือนจนหมดรูป สิ้นเค้าเดิมไปเลย จากการถ่ายทอดกันแบบมั่วซั่ว แบบนี้ เพราะว่าจะมีใครที่มาคอยแก้ไขสิ่งที่คนแต่ละคนโพสต์เข้าไปในที่ต่างๆ ทุกๆ คนอาจคิดเหมือนๆ กัน เพราะได้รับข้อมูลเพี้ยนจากที่เดียวกัน ความถูกต้องจะค่อยๆ หมดไปจากโลกใบนี้หรือเปล่า ?

เคยมีคนตั้งคำถามว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ จริงหรือไม่ ?

หากทุกคนได้รับการยัดเยียดให้รู้โดยไม่มีโอกาสคิด จินตนาการจะไม่เกิดแน่ แต่ที่แย่กว่านั้นคือ จินตนาการที่เกิดจากความสำคัญผิด จะอันตรายกว่าไม่รู้ ไม่คิดอะไรเลยไหม

tang may
ผู้มาเยือน


ขึ้นไปข้างบน Go down

ศิษย์มีครู Empty แยกแยะผิดถูก พูดง่ายแต่ทำยาก

ตั้งหัวข้อ  tang may Sat Jan 17, 2009 8:31 pm

ท่านผู้รู้เคยบอกว่า ปฏิทินไทย โดยบิดเบือนด้วย ปฏิทินตามฝรั่ง หนึ่งปี มี ๓๖๐ วัน นั้นถูกต้องแล้ว ท่านก็ยกเหตุผลว่า จำนวนองศารอบวงกลมมี ๓๖๐ ดังนั้น จะมีวันเป็น ๓๖๕ ได้อย่างไร

มนุษย์เราจะมีเหตุผล รู้จักแยกแยะถูกผิดได้อย่างไร ถ้าไม่มองตามสังคม มันน่าแปลกที่คำว่าดี กับ ชั่ว เกิดขึ้นมาในใจเราได้ แม้ว่า บางที คนทั้งสังคม อาจทำอะไรไปทางเดียวกัน

ยกตัวอย่าง การไม่ทำตามลำดับ หรือ แซงคิวนั่นเอง อาจมีคนนิยมทำกันเป็นว่าเล่น แต่เราก็รู้ว่านั่นไม่ถูกต้อง

ตัวอย่างแบบนี้มันง่าย แต่ในเรื่องที่ลึกกว่านั้น เช่น ประวัติศาสตร์ ของชนชาติ อะไรแบบนี้ หากมีคนที่จ้องจะกลบฝัง เพื่อล้างความภูมิใจในชาติใดๆ ก็ตาม คนข้างหลังย่อมจะไม่มีวันรู้ถึง ความมีอารยะ ในชนชาติตนเอง แล้วก็เลยกลายเป็นมองว่า ชาติตนเองด้อยกว่าคนอื่นเขา

ใครเคยเป็นบ้างไหม บางทีเราอ่านหนังสือ ที่เขียนโดยคนๆ หนึ่ง ก็รู้สึกว่าดี แต่ครั้นมีคนบอกว่า คนเขียนขาดความเป็นกลาง และ จ้องจะบิดเบือน แต่เราก็ยังรู้สึกว่าเขาเขียนดี นั่นอาจเป็นรูปแบบการบิดเบือนแบบแนบเนียน คือ มาในแบบที่ดูดี แล้วค่อยๆ เปลี่ยนความคิดของผู้คนไปเรื่อยๆ

ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เราคิด และ รับทราบอยู่ทุกวันนี้ จะเหลือเค้าความจริงสักกี่ส่วนกัน

เหมือนกับคำพูดที่บอกว่า ครึ่งหนึ่งของเรื่องในโลกนี้ เป็นเรื่องไม่จริง แต่ที่ชอกช้ำที่สุดก็คือ ที่คิดว่าไม่จริง กลับกลายเป็นเรื่องจริงเสียนี่

tang may
ผู้มาเยือน


ขึ้นไปข้างบน Go down

ศิษย์มีครู Empty Re: ศิษย์มีครู

ตั้งหัวข้อ  sunny Sun Jan 18, 2009 10:46 pm

tang may พิมพ์ว่า:ต้องการความช่วยเหลือจากข้าราชการ ซี ๖ ขึ้นไปค่ะ ....เป็นงานไม่ยากอะไรเลย แค่รับรองความประพฤติ ให้เราเท่านั้น (นี่แหละยากที่สุดเลย)

ประกาศอย่างนี้เลยเหรอคะ เอาเป็นว่า...งานจบแล้วนะคะ

เข้าใจกันเนอะ อิอิ
sunny
sunny

จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008

ขึ้นไปข้างบน Go down

ศิษย์มีครู Empty ประกาศไปอย่างนั้นเอง

ตั้งหัวข้อ  tang may Mon Jan 19, 2009 7:43 am

ประกาศไปอย่างนั้นเองค่ะ เรื่องการรับรองบุคคล เป็นสิ่งที่ยากยิ่งจริงๆ ในบางทีก็จำเป็นต้องทำ เพราะติดขัดความเกรงใจ มักเป็นการขอจากญาติๆ กัน ที่ปฏิเสธไม่ได้

ถามที่ทำงานเขาก็บอกว่า พ่อเขาเคยเป็นครูใหญ่ ระดับ เจ็ด เคยรับรองให้พวกที่จะเข้ารับราชการเป็นทหาร ตำรวจ อยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นคนในอำเภอเดียวกัน ในต่างจังหวัด เรายังชื่นชมว่า เป็นคนมีน้ำใจมาก ในการรับรองให้บุคคลอื่น ที่ไม่ได้เป็นญาติกัน

เรื่องหลักการให้หาคนประกัน มันคล้ายๆ กับเป็นการ บีบ และ คัดตัวเลือกให้เหลือน้อยลง เพราะว่าหากใครหาคนประกันมิได้ จะทำอย่างไร

บางทีก็คิดว่า อีกนัยหนึ่ง เป็นการบีบให้ คนต้องไปหาช่องทางเลือกอื่นที่มิอยู่ในเส้นทางปกติ ก็เป็นได้

แต่เรื่องของเราเป็นอันว่าลุล่วงลงด้วยดี (เราต้องมั่นใจว่าดีไว้ก่อน)

tang may
ผู้มาเยือน


ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ