Any Doc!!!!
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Fail State

+2
Simon
นางฟ้า
6 posters

Go down

Fail State Empty Fail State

ตั้งหัวข้อ  นางฟ้า Fri May 14, 2010 8:29 pm

Aljazeera CNN BBC ได้เสนอข่าวตรงกันว่า ไทยเป็น Fail State แล้ว
นางฟ้า
นางฟ้า

จำนวนข้อความ : 119
Registration date : 22/04/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fail State Empty Re: Fail State

ตั้งหัวข้อ  นางฟ้า Fri May 14, 2010 8:31 pm

นอกจากนี้ประเทศเวียตนามซึ่งเป็นประธานเอเซียนปัจจุบัน ได้เสนอความเห็นให้ยูเอ็นส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาระหว่างรัฐกับผู้ชุมนุม และจัดการให้มีการเลือกตั้ง
นางฟ้า
นางฟ้า

จำนวนข้อความ : 119
Registration date : 22/04/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fail State Empty Re: Fail State

ตั้งหัวข้อ  Simon Sat May 15, 2010 9:42 am

กว่าเขาจะมาเราคงตายหมดแล้วมั๊ง

Simon

จำนวนข้อความ : 2
Registration date : 13/05/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fail State Empty Dead of the Thai…

ตั้งหัวข้อ  นางฟ้า Sat May 15, 2010 11:23 am

It saddens me greatly to see the streets I have walked and driven on so many times to now run with the blood of the innocent. I am seeing the “City of Angels” (Bangkok) now being stained with the blood of those who love their country. Will Bangkok become the “Killing Fields” as was the fate of Cambodia when under the control of a Mad Man, a military man, who claimed he was doing it for the good of the country---and set up on trying to destroy all who would speak against him.

Is this where Bangkok and Thailand are headed? Our Military overthrew our elected officials under the excuse of corruption and for the good of the people---there was the promise of new elections. But when the elections were finally held, the military would not let elected officials take their positions, and appointed those who they wanted.

It was obvious that the military feared our elected officials, as they acted in a cowardly way in their initial takeover-----waiting until the elected Prime Minister was out of the country on official duty. Have they no honor in their actions? Now, the military kills unarmed children. A ten (10) year old boy is shot -----is this the action of a military under control or one that is gone mad. How long does take before brothers are ordered to shoot their own families. Is this what Thailand is becoming?

The military, who said they did it for the people, have seized personal assets, detained people without trials, shot and killed those who would object, and not keep the promises that they made, and have free elections. Is this what we, the people of Thailand, want to see happen to our country? Thailand was rapidly rising above a third world county but now we are rapidly falling back into the dark ages----other countries now fear to invest or come to Thailand with the Military in control. As every military controlled country suffers from the same corruption that infects the power hungry ego driven military powers.

The military generals in charge now must fear the will of the people, if they are willing to order their soldiers to shoot and kill unarmed people who speak against their actions. Must we kill our fellow countrymen in such a senseless manner? This is truly a dark time for our country----we have for centuries been know as a country of kindness, love, and the land of smiles………it saddens me to see the blood of my fellow Thai as it flows in the streets, not from a foreign enemy, but from the Mad Men of our military. I ask that the military keep its promise and allow free and unobstructed elections, with the United Nations to monitor the election procedure.

If the Military objects or has excuses----What are they hiding? Perhaps they are lining their pockets with the blood stained money of the fallen and have become drunk on the power. Is this the way we want to live? Where is the King? Does he not care about his people?
นางฟ้า
นางฟ้า

จำนวนข้อความ : 119
Registration date : 22/04/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fail State Empty Re: Fail State

ตั้งหัวข้อ  sunny Mon May 17, 2010 9:21 am

วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 06:40:48 น. มติชนออนไลน์

สื่อทั่วโลกจับตาเหตุรุนแรงไทย ทูตมะกันอพยพจนท.-ครอบครัว อังกฤษเตือนกลุ่มก่อการร้ายคุกคามหนัก

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศยังคงเกาะติดสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศไทยที่มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลหรือเสื้อแดงช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปแล้วหลายสิบคนและบาดเจ็บเกือบสองร้อยคนอย่างต่อเนื่อง และเป็นเหตุการณ์ที่นานาประเทศกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด โดยมีการให้น้ำหนักกับความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรีไทยจะประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะที่สถานการณ์ในกรุงเทพฯยังเต็มไปด้วยความสับสนหวาดกลัว โดยมีกลุ่มหมอกควันดำลอยคลุ้งไปทั่วท้องฟ้ากรุงเทพฯ ในจุดที่มีการปะทะกันขึ้น

สำนักข่าวของทางการเวียดนามรายงานว่า เวียดนามซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในขณะนี้ออกมาแสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ที่เลวร้ายลงในไทย และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง พร้อมทั้งหาทางกลับสู่การเจรจาเพื่อยุติปัญหาโดยสันติวิธี ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศเวียดนามแสดงความหวังว่า ทุกฝ่ายจะสามารถร่วมมือกันเพื่อสร้างความมั่นคงและสันติภาพโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและความมั่นคงของภูมิภาคเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี เวียดนามไม่มีการระบุว่าอาเซียนควรต้องมีการหารือเป็นกรณีพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทยแต่อย่างใด

เอเอฟพีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ออกแถลงการณ์เตือนชาวอเมริกันให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปประเทศไทยหากไม่มีความจำเป็นจริงๆ นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้สถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตและครอบครัวที่ไม่มีภารกิจจำเป็นออกจากกรุงเทพฯ สถานทูตอังกฤษในไทยได้ออกประกาศเตือนให้ชาวอังกฤษหลีกเลี่ยงไปตามห้างสรรพสินค้า โดยแนะนำให้อยู่ในบ้านหรือสถานที่ปลอดภัย ในเว็บไซต์ของสถานทูตระบุว่า ประเทศไทยกำลังถูกคุกคามโดยกลุ่มก่อการร้ายทั่วประเทศ และเหตุการณ์ปะทะกันตามจุดต่างๆ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในพื้นที่ที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ด้านเยอรมนียกระดับคำเตือนเดินทางมายังประเทศไทย ขณะที่บริษัทท่องเที่ยวในเยอรมนีได้ยกเลิกมากรุงเทพฯทั้งหมด รวมถึงในบางพื้นที่ทางเหนือของไทยด้วย ทางการแคนาดาระบุว่า สถานการณ์ในไทยในขณะนี้รุนแรงมาก ไม่สามารถประเมินได้ว่าจะยืดเยื้อนานแค่ไหน และจะเกิดขึ้นในสถานที่ใดจึงขอให้หลีกเลี่ยงมาประเทศไทย เช่นเดียวกับออสเตรเลียที่ได้เตือนให้ประชาชนทบทวนการเดินทางมากรุงเทพฯและพื้นที่อื่นในประเทศไทย เพราะมีความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้ชุดปฏิบัติการพิเศษที่มีอาวุธร้ายแรงได้ทุกเวลา ส่วนนิวซีแลนด์ระบุว่าสถานการณ์ในไทยอันตรายและรุนแรงอย่างมาก

หลายประเทศในเอเชียก็ออกมาเตือนประชาชนของตนให้ยกเลิกการเดินทางเยือนไทยเช่นกัน อาทิ ญี่ปุ่นยกระดับคำเตือนความปลอดภัยในไทยขึ้นมาอยู่ลำดับที่ 2 และเตือนให้ชาวญี่ปุ่นห้ามไปพื้นที่กำลังเกิดการปะทะกัน ส่วนรัฐบาลจีนได้ประกาศห้ามชาวจีนเดินทางมายังกรุงเทพฯ สิงคโปร์เตือนให้ชาวสิงคโปร์ในกรุงเทพฯอยู่แต่ในบ้านพัก และให้อยู่ห่างจากพื้นที่เกิดความรุนแรง เกาหลีใต้ประกาศเตือนห้ามไปกรุงเทพฯรวมทั้งจังหวัดอื่นๆ ในไทย ขณะที่ไต้หวันยกระดับคำเตือนไปอยู่ที่สูงที่สุด

น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการตีความว่านายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อาจพิจารณาส่งกองกำลังเข้ามาในไทยนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะการดำเนินการต่างๆ มีขั้นตอนปฏิบัติ ซึ่งต้องเกิดขึ้นหลังจากที่ความพยายามใดๆ ในประเทศหรือในระดับภูมิภาคไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้วเท่านั้น

"ส่วนการที่ประเทศต่างๆ ประกาศเตือนเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะสถานการณ์ขณะนี้มีความรุนแรงแต่อยากให้เขาเข้าใจว่าจำกัดบริเวณอยู่ในกรุงเทพฯ โดยกระทรวงการต่างประเทศตั้งศูนย์ประสานงานฉุกเฉินเพื่อคอยประสานกับสถานทูตและองค์การระหว่างประเทศในไทยตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้ว และยังมีการแจ้งความคืบหน้าถึงพัฒนาการของสถานการณ์ต่างๆ ให้ได้ทราบเป็นระยะด้วย" น.ส.วิมลกล่าว

นายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เท่าที่ทราบนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีอี-เมลถึงเลขาธิการยูเอ็นตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามในหนังสือถึงรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศต่างๆ รวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติชี้แจงสถานการณ์ล่าสุดในไทยพร้อมทั้งแนวทางของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาให้ทราบตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุปะทะครั้งล่าสุดที่เลขาธิการยูเอ็นแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับเลขาธิการบริหารเอสแคปซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ยูเอ็นที่อาวุโสที่สุดในไทย ขณะที่เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็น ณ นครนิวยอร์กก็ได้ชี้แจงข้อมูลและสถานการณ์ล่าสุดให้กับเลขาธิการยูเอ็นทราบอีกทางหนึ่งด้วย

ส่วนที่มีรายงานข่าวว่า ยูเอ็นขอให้กองเรือสหรัฐที่มาในภูมิภาคนี้สอดส่องสถานการณ์ในประเทศไทยนั้น นายธานีกล่าวว่า เป็นรายงานข่าวที่คลาดเคลื่อน การที่สหประชาชาติจะดำเนินการใดๆ ในลักษณะนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก่อน ซึ่งต้องเป็นเรื่องที่เป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคด้วย ที่สำคัญต้องได้รับความยินยอมจากรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ก่อน ดังนั้น ไม่ว่าจะพิจารณาจากมุมใดข่าวที่ปรากฏ จึงเป็นไปไม่ได้

ก่อนหน้านี้ เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ ส.ส.อุดรธานี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในวันที่ 17 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. จะไปยื่นหนังสือที่นักวิชาการได้เสนอมาที่ กมธ.ที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เกี่ยวกับการที่รัฐบาลกระทำการที่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน รวมทั้งปิดกั้นสื่อ และสั่งให้กองกำลังดำเนินการกับประชาชน เพราะมาตร ฐานที่ตกลงกับยูเอ็นคือประชาชนต้องมีสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน แต่รัฐบาลชุดของนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ให้สิทธิแก่ประชาชนคนไทยเท่าที่มนุษยชาติควรจะได้รับโดยเฉพาะในเรื่องของการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสิทธิการชุมนุมโดยถูกต้องตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ

"กมธ.จะเรียกร้องไปยังยูเอ็นและเลขาธิการอาเซียน ถึงพฤติกรรมของรัฐบาลในการที่รัฐบาลละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน และตนยอมไม่ได้ที่รัฐบาลนี้ฆ่าประชาชนอีกต่อไป" นายต่อพงษ์กล่าว

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะร่วมไปยื่นหนังสือที่ยูเอ็น เพื่อขอกองกำลังสันติภาพเข้ามาช่วยตรวจสอบเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลว่ามีอยู่จริงหรือไม่

เวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.สัดส่วน โฆษก ปชป. แถลงตอบโต้รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ระบุว่าขณะนี้ทางกองกำลังภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกา กำลังจะเข้ามารักษาความสงบภายในประเทศไทย ว่าไม่เป็นความจริง แต่เป็นความพยายามของ พท.ที่สนับสนุนการชุมนุมของ นปช. แล้วพยายามดึงต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ จึงขอประณามการกระทำของ พท.ในครั้งนี้ ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าพรรคจะชี้แจงต่อสื่อต่างประเทศให้เข้าใจสถานการณ์ สาเหตุและทางออกของวิกฤตในขณะนี้
sunny
sunny

จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fail State Empty Re: Fail State

ตั้งหัวข้อ  แฟนคลับ Mon May 17, 2010 12:26 pm

Violence in Bangkok

No end in sight
Violent clashes in Bangkok between the army and red-shirt protesters could get worse
May 16th 2010 | BANGKOK | From The Economist online

Fail State 201021ASP900

DAYS of deadly street battles between Thai security forces and red-shirt protesters showed no sign of abating on Sunday May 16th. Like the bonfires of fuel-soaked tyres that they set alight, the rage that ignites the roaming gangs of protesters and hoodlums burns bright. And soldiers stand guard at street junctions where signs read “live-fire zone”. At least 29 people have died since Thursday, some reportedly cut down by army snipers hiding in the tower blocks that once symbolised Thailand’s economic promise.

What lies ahead could be much worse. Thousands of protesters, many of them bussed in from the countryside, are sleeping in the shadows of luxury hotels and shopping malls. Many are loyal to a former prime minister, Thaksin Shinawatra, who was kicked out in a 2006 coup. They have occupied a large area of central Bangkok for the past month to force the prime minister, Abhisit Vejjajiva, to dissolve parliament and hold new elections. The government, businesses and many Bangkok residents want the red shirts out. Threats and emergency laws have not worked. Peace talks appeared to bear fruit, but fell apart quickly.

Now the army has encircled the site and the talk is of war, not peace. Supplies of food and water are running low, and red-shirt reinforcements are being prevented from joining the protests. Demonstrators are being urged to leave, with priority given to women, children and the elderly. Those that stay face an uncertain fate. On Saturday Mr Abhisit repeated his determination to end the protests and gave warning that losses “will have to be endured”. Some fear that is a green light for a crackdown by the army and even greater loss of life.

Leaders of the protests have called for UN-brokered talks, to the dismay of Thai officials. Thailand’s foreign minister, Kasit Piromya, recently berated foreign diplomats for talking to the red shirts, whom he calls “terrorists”, but not doing enough to catch Mr Thaksin—another “terrorist”—who is a fugitive from Thai justice. Officials complain that Mr Thaksin wrecked a peace proposal unveiled by Mr Abhisit on May 3rd that would prepare Thailand for elections in November. Some protest leaders had seemed ready to go home, then changed their mind. That is because Mr Thaksin was not satisfied and “has veto power”, argues a cabinet minister.

Not everyone is convinced by this explanation. The government was quick to retract its offer when red-shirt leaders amended their demands. Mr Abhisit is under pressure from hardliners who want to use force to crush the protests. Critics also question his ability to deliver on the deal, since his Democrat Party has been charged with election violations that could lead to its court-ordered break-up.

There is another, equally worrying, reason why the peace plan may have collapsed: demonstrators, radicalised by the protest movement, rejected it. They distrust leaders who talked of compromise after so much blood had been spilled. Far better to keep fighting and keep up the pressure on the government. Hardline red-shirt protesters are unlikely to want to give up so easily.

Until May 13th, the public face of such militancy was Khattiya Sawasdipol, a renegade army general turned red-shirt security chief. He vigorously opposed a peace deal that left Mr Abhisit in power. That night a sniper’s bullet cut him down. He is now in a coma. The army denies involvement, but few believe it. The incident enraged his supporters and sparked the current fighting around the protest site’s perimeter, though it has spread elsewhere. The chaos has forced parts of Bangkok to shut down. A curfew may come shortly. The unrest is gathering strength away from Thailand’s capital too. A state of emergency was declared in five provinces on Saturday, bringing the total to 22: nearly a third of the country.

The violence is the worst since April 10th, when 25 people died in clashes at another protest site. On that occasion, several soldiers were among the dead, apparently at the hands of black-clad gunmen with army-issue weapons. This time, the battle appears much more one-sided: protesters, and the occasional by-stander, are the victims. Officials say soldiers have a right to fire in self-defence. But that does not square with eyewitness accounts of trigger-happy soldiers. Nor does it bode well for an orderly end to the rally.

แฟนคลับ

จำนวนข้อความ : 96
Registration date : 10/05/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fail State Empty Re: Fail State

ตั้งหัวข้อ  sunny Mon May 17, 2010 4:43 pm

คมชัดลึก :สเตรท ไทม์ส ของสิงคโปร์มองไทย แลนด์ ออฟ สไมล์ กลายเป็นดินแดนแห่งความเกรี้ยวกราดไปแล้ว นิวยอร์กไทมส์รายงานเป็นพฤษภาทมิฬซ้ำสอง ฮิวแมนไรท์ว็อตช์ เรียกร้องมือที่ 3 หยุดก่อเหตุรุนแรง ออสเตรเลียเรียกร้องทุกฝ่ายในไทย รู้จักอดกลั้น บลูมเบิร์กระบุ ความรุนแรงอันเป็นผลมาจากการแบ่งขั้วทางการเมือง ทำลายความเชื่อมั่นนักลงทุนและเศรษฐกิจเสียหาย ผู้สื่อข่าว AFP เล่านาทีระทึกที่ตึกของโรงแรมดุสิตธานีถูกยิง นิวยอร์กไทมส์รายงาน พฤษภาทมิฬซ้ำสอง

นีร์มาล กอช ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ สเตรท ไทม์ส ของสิงคโปร์ ระบุว่า วิกฤติการเมืองได้ฉีกตำนานความประพฤติอันสุภาพเรียบร้อยของคนไทยอย่างสิ้นเชิง ต้องระมัดระวังเวลาจะพูดอะไร และพูดกับใคร ในปีแห่งการใช้ชีวิตเสี่ยงอันตรายในประเทศไทย วิกฤติการเมืองได้ก่อให้เกิดภาษาที่ส่อเจตนาร้าย ที่แทบจะไม่เคยได้ยินเลย ในสังคมอันแสนสุภาพของคนไทย นับตั้งแต่หมดยุคต่อต้านคอมมิวนิสต์ เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970 ผู้คนต่างหันมาป้องกันตัวและมองคนอื่นว่าเป็นศัตรู

กอช บอกว่า มีเพื่อนอยู่ในกลุ่มของคนมีฐานะ หรือที่เรียกว่า ไฮโซ ซึ่งแม้จะมีแนวคิดเสรี แต่ก็เป็นพวกอนุรักษ์นิยม กำลังวิตกอย่างยิ่งต่อการประท้วงของคนเสื้อแดง ที่ทำให้ย่านกลางกรุงซึ่งเป็นย่านเลิศหรูมีสภาพยุ่งเหยิงและวุ่นวายสับสน ผู้จัดการอาวุโสของบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง เปรียบเทียบการชุมนุมและสร้างปราการป้องกันตนเองกลางกรุงฯ ว่า เหมือนกับทหารพม่ามาสร้างค่าย เพื่อจะโจมตีอาณาจักรอยุธยา เมื่อครั้งสมัยศตวรรษที่ 18 และการที่เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ขับรถพอร์ช พุ่งชนจักรยานยนต์ของคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 3 เมษายน ได้กลายเป็นสัญลักษณ์และเขากลายเป็นวีรบุรุษ

วัฒนธรรมการประท้วงในไทยถูกมองว่า ไม่ใช่แค่การเดินขบวนหรือการประท้วงทั่วไป แต่เป็นการบุกยึดพื้นที่ กำหนดเงื่อนเวลาและการเจรจาต่อรอง ซึ่งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพูดถึงแต่เรื่องการสู้รบ ที่ปราการของคนเสื้อแดง มีไม้ไผ่เหลาแหลม และหนังสติ๊ก กับก้อนอิฐอีกจำนวนมาก แต่ก็เชื่อว่า มีสั่งสมอาวุธร้ายแรงอยู่ด้วย และมีคนที่รอคอยจะใช้มันเช่นกันและอาจได้ใช้ไปแล้วในคืนที่วุ่นวายสับสนเมื่อวันพฤหัสบดี

ในความขัดแย้ง อย่างน้อยนับจากปี 2551 เป็นต้นมา พวกการ์ดของคนเสื้อแดง ถูกขนานนามว่า เป็นพวกนักรบ ที่มีผู้นำสายฮาร์ดคอร์ อย่างนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีตนักร้องเพลงป๊อปคอยประกาศปลุกระดมให้คนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง จึงไม่น่าแปลกใจที่บริเวณรัศมีใกล้ที่ชุมนุมจะมีสภาพใกล้เคียงกับที่เขาต้องการ แต่แม้กรุงเทพฯจะเป็นดินแดนแห่งความเดือดดาลถ้าออกไปนอกเมือง ก็ยังคงจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนท้องถิ่น แต่มันก็น่าขมขื่นที่ตำนานแห่งความสุภาพของคนไทย มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

นิวยอร์กไทมส์รายงานเป็นพฤษภาทมิฬซ้ำสอง

บทความในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ โดย เซ็ธ ไมแดนส์ และโธมัส ฟูลเลอร์ รายงานว่าวันนี้เป็นวันครบรอบ 18 ปี เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งสำคัญครั้งท้ายที่สุด ที่เริ่มปะทุในประเทศไทยเมื่อ 17 พฤษภาคม 2535 และดำเนินอยู่จนถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2535 ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทางการระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 52 ราย แต่เชื่อว่ายังมีผู้สูญหาย หยังหาไม่พบอีกมาก

และเมื่อเทียบกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 เหตุการณ์ความวุ่นวายที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันถือว่าเป็นเหตุการณ์นองเลือดที่สุด และดำเนินไปยาวนานที่สุดในรอบหลายปีของไทย เนื่องจากนับตั้งแต่เริ่มการประท้วงเมื่อ 2 เดือนก่อนเป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 60 ราย

และเมื่อการสู้รบตามท้องถนนมีท่าทีที่จะลุกลามไปที่อื่น สถานทูตอังกฤษก็ออกมาเตือนชาวอังกฤษในประเทศไทยว่า " คุณควรทราบว่ากิจกรรมความรุนแรงและการก่อวินาศกรรมอาจเกิดขึ้นนอกพื้นที่การประท้วงของพวกเสื้อแดง และกลุ่มเสื้อแดงได้ขู่เรื่องการก่อเหตุระเบิดในห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ"

นอกจากนั้นก็ยังรายงานถึงการเสียชีวิตของฝ่ายทหารนายแรกในเหตุการณ์ความรุนแรงนาน 4 วัน จากบาดแผลถูกยิงบริเวณโรงแรมดุสิตธานี

นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า เมื่อวานดูเหมือนจะเป็นวันของการปะทะตามท้องถนน เมื่อกลุ่มผู้ประท้วงยิงจรวดทำเอง และปาระเบิดขวดใส่ทหาร ฝ่ายทหารก็ยิงกระสุนปืนยาง และกระสุนจริงเข้าใส่ การเสียชีวิตบางกรณีดูเหมือนจะเป็นฝีมือนักแม่นปืน ซึ่งก็คือชายในชุดทหารที่ใช้ปืนยาว และกล้องเล็ง ซึ่งมีคนเห็นอยู่ตามอาคารสูง นอกจากนั้นก็มีรายงานเรื่องคนชุดดำด้วยซึ่ง คนเหล่านี้เชื่อว่าอาจจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อ 10 เมษายน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิยราย และบาดเจ็บเกือบ 900 คน

รายงานบอกด้วยว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา การโจมตีระบบสาธารณูปโภค อย่างไฟฟ้า คลังน้ำมัน ธนาคาร และหน่วยทหาร เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการประท้วง นักวิเคราะห์บางคน มองว่ามือที่มองไม่เห็นอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว และเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของการประท้วง ในความพยายามที่จะสั่นคลอนเสถียรภาพของประเทศ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์

ฮิวแมนไรท์ว็อตช์เรียกร้องมือที่3หยุดก่อเหตุรุนแรง

กลุ่มฮิวแมนไรท์ว็อตช์ กลุ่มรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนชื่อดังออกมาเรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ยุติการก่อเหตุรุนแรง

นายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียของกลุ่มฮิวแมนไรท์ว็อตช์ กลุ่มที่รณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชน บอกกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นในวันนี้ว่า รู้สึกเป็นห่วงเรื่องยอดการเสียชีวิต จากการปะทะระหว่างทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเสื้อแดงในกรุงเทพฯ ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

งานนี้ทางกลุ่มได้เรียกร้องให้ทางกลุ่มติดอาวุธที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมยุติการใช้ความรุนแรง รวมทั้งยังเรียกร้องให้ฝ่ายรัฐบาลไทย ยึดมั่นในหลักการของสหประชาชาติเรื่องการใช้กำลังและอาวุธ

เขาบอกว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในย้านที่มีประชาชนหนาแน่น ทำให้ประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ต้องตกอยู่ในความเสี่ยง

โรเบิร์ตสันบอกว่า ทางกลุ่มรู้สึกเป็นห่วงมากที่ทั้งสองฝ่าย คือทั้งกลุ่มเสื้อแดงและกองทัพที่ต่างปฏิเสธกันและกันและถลำลึก ซึ่งทางกลุ่มคิดว่าเรื่องนี้เป็นอันตรายมาก

ออสเตรเลียเรียกร้องทุกฝ่ายในไทยรู้จักอดกลั้น

ออสเตรเลียเปิดเผยว่ารู้สึกเป็นห่วงมากขึ้นกรณีการปะทะในกรุงเทพที่ขยายตัวออกไป จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย และสถานทูตหลายแห่งต้องปิดทำการ

นายสตีเฟน สมิธ รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย ได้ขอให้ฝ่ายผู้ประท้วงและทหารรู้จักยับยั้งชั่งใจ หลังจากที่ระดับการเป็นอริกับของทั้งสองฝ่ายเพิ่มสูงขึ้น จนทำให้บางส่วนของกรุงเทพเป็นเขตห้ามเข้า

นายสมิธ บอกว่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับประเทศไทย เขาขอเรียกร้องอีกครั้งให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรู้จักอดกลั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ออสเตรเลียเป็นเรื่องจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่ได้เห็นข้อมูลในช่วงเมื่อเร็วๆนี้ และขอเรียกร้องอีกครั้งให้ทุกฝ่ายกลับมาเดินหน้าการเจรจาต่อไป

โดยเมื่อวาน เว็บไซต์ของรัฐบาลออสเตรเลีย เปิดเผยว่า สถานทูตออสเตรเลียในไทย ยังคงทำงานอยู่ แต่ไม่รับให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ เป็นต้นไป จากปัญหาการปะทะรุนแรงในกรุงเทพ ซึ่งก็รวมถึงที่บริเวณหน้าสถานทูตด้วย จนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลง

ท่าทีดังกล่าว มีขึ้นหลังสถานทูตอังกฤษและเบลเยี่ยม ประกาศปิดสถานทูตไปก่อนหน้า

บลูมเบิร์กระบุรุนแรงเกิดจากการแบ่งขั้วทางการเมือง

เว็บไซต์ข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ความรุนแรงที่เพิ่มทวีขึ้น อันเป็นผลมาจากแบ่งขั้วทางการเมืองในประเทศไทย กำลังจะทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน และทำให้เศรษฐกิจของประเทศ ต้องตามหลังเพื่อนบ้าน ที่กำลังช่วยกันทำให้เอเชียผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจโลก

นิโคลัส ฟาร์เรลลี่ นักวิจัยของสถาบันเอเชียและแปซิฟิก ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ในกรุงแคนเบอร์ร่า ของออสเตรเลีย ให้ความเห็นว่า ความรุนแรงรอบล่าสุดที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง และทำให้การเผชิญหน้ากันในปัจจุบัน ไปสู่สถานการณ์ที่คาดไม่ถึง และมีความเป็นไปได้ว่าจะถึงขั้นร้ายแรงอย่างยิ่งก็เป็นได้

มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 30 คน นับตั้งแต่ทหารเข้าปิดล้อมพื้นที่ย่านใจกลางเมือง ที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับย่านเซนทรัล พาร์ค ของนิวยอร์ค เมื่อ 4 วันก่อน ในความพยายามที่จะขอพื้นที่ในย่านใจกลางเมืองคืนจากผู้ชุมนุมทางการเมือง บั่นทอนความต้องการของผู้บริโภค ที่อาจกระทบต่อการใช้จ่าย และยังทำให้ธนาคารกลางประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ย 1.25 เปอร์เซ็นต์ เป็นระยะเวลา 5 ปีด้วย

อลัสแตร์ เฮนเดอร์สัน หุ้นส่วนในกรุงเทพฯ ของสำนักงานกฎหมาย เฮอร์เบิร์ต สมิธ LLP ในลอนดอน ให้ความเห็นว่า สิ่งสำคัญก็คือ การที่คนไม่ว่าจะเป็นใน โตเลโด้ , ปารีส , ซิดนีย์ หรือโตเกียว ดูโทรทัศน์แล้วเห็นภาพการเผากองยางรถยนต์ที่ถูกเอามาสุมกัน กลางถนนพระราม 4 แน่นอนว่า มันกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุน

กระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ได้แสดงความวิตกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจะส่งผลประทบต่อชาติสมาชิกสมาคมอาเซียน เพราะไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่ม แต่สถานการณ์ในไทย กำลังมีทีท่าว่าจะเหนือการควบคุม เว้นแต่ว่าทุกฝ่ายจะใช้ความอดกลั้น และหันกลับมาเจรจากัน

TUI AG บริษัทท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป ที่เยอรมนีเป็นเจ้าของ ได้ระบุเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมว่า ได้ระงับการเดินทางและการอำนวยความสะดวกให้กับแขกที่ต้องการเดินทางมายังกรุงเทพฯ ไปจนถึงสิ้นเดือน หลังจากกระทรวงต่างประเทศของเยอรมนีประกาศเตือนเรื่องการเดินทางมาไทย แต่ผู้โดยสารยังคงสามารถเดินทางมายังสนามบินในไทยได้

TUI ระบุว่า ไม่คิดว่าลูกค้าจะยกเลิกการเดินทางไปยังพื้นที่ทางใต้ของไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไปพื้นที่บริเวณนี้ เป็นลูกค้าของ TUI กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ลูกค้าของ TUI เป็นพวกที่แค่แวะกรุงเทพฯ แค่ 2-3 วัน ก่อนจะเดินทางไปพักผ่อนตามชายทะเล ริชาร์ด ฮัน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ของบริษัท ฮาน่า ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ พีซีแอล ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ เช่น ไอโฟน ของแอ๊ปเปิล PLC ระบุว่า ธุรกิจของเขาได้รับผลกระทบน้อยมาก แต่ก็วิตกถึงอันตรายในระยะยาว และตราบนานเท่าที่ไม่มีการปิดสนามบิน ไม่มีการตัดไฟ ธุรกิจก็ดำเนินต่อไปได้ และที่สำคัญคือ บริษัทของเขาอยู่นอกพื้นที่ขัดแย้ง

นอกจากสถานทูตออสเตรเลียจะเตือนพลเมืองไม่ให้มาไทย โดยไม่จำเป็นแล้ว สถานทูตญี่ปุ่นได้ย้ายที่ทำการเป็นการชั่วคราวอีกด้วย แต่นายการบินแควนตัส ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนการเดินทาง หรือการจองตั๋วของผู้โดยสาร ส่วนสายการบินต้นทุนต่ำ ไทเกอร์ แอร์ไลน์สที่ได้รับการสนับสนุนจากสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส อาจปรับเปลี่ยนการให้บริการมากรุงเทพฯอันเป็นผลมาจากการเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้ความต้องการเดินทางมาไทยลดลง ซึ่งทางสายการบินกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ด้านนายหม่า จ้าวซื่อ โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ระบุในแถลงการณ์ว่า ในฐานะเพื่อนบ้านของไทย จีนรู้สึกห่วงใยอย่างลึกซึ้งต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน และหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะแสดงความอดกลั้น และทำงานเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพในสังคม

ผู้สื่อข่าว AFPเล่านาทีระทึกที่ตึกของโรงแรมดุสิตธานีถูกยิง

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ สเตรท ไทม์ส ของสิงคโปร์ รายงานว่า โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว " ดุสิตธานี " ต้องเผชิญหน้ากับพื้นที่ชุมนุมประท้วงของคนเสื้อแดง ใจกลางกรุงเทพฯ และตกอยู่ท่ามกลางกระสุนปืน และเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหว ส่งผลให้แขกของโรงแรงต้องพากันหาที่กำบัง ที่ชั้นใต้ดิน เปโดร กูอาร์ต หัวหน้าช่างภาพของสำนักข่าว AFP ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า เขาอยู่บนเตียง และเกิดระเบิดรุนแรงใกล้กับห้องของเขา เขาจึงออกจากห้องและมีคนอื่นทำแบบเขาเหมือนกัน และพบว่าผนังมีรอยกระสุนปืน แขกที่เข้าพักต่างได้รับโทรศัพท์จากพนักงานโรงแรม ที่แจ้งให้ลงไปข้างล่าง เพราะตกอยู่ภายใต้การโจมตี ทุกคนเลยไปอยู่กันที่ชั้นใต้ดิน ประมาณ 100 คน

กูอาร์ต เปิดเผยทางโทรศัพท์จากโรงแรมดุสิตธานีว่า มีข่าวลือแพร่สะพัดในหมู่แขกที่เข้าพักด้วยว่า มีพลซุ่มยิงอยู่ในห้องหมายเลข 517 ที่สามาาถมองลงไปที่พื้นที่การชุมนุมของคนเสื้อแดงได้อย่างชัดเจน ขณะที่การปะทะระหว่างทหารกับคนเสื้อแดงในพื้นที่รอบนอกดำเนินอยู่และไม่ทราบว่า การยิงโจมตีโรงแรมมาจากจุดไหน

คนที่หลบอยู่ชั้นใต้ดินยังคงควบคุมอารมณ์ได้ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นลม แขกหลายคนได้ย้ายขึ้นไปอยู่ที่ล็อบบี้ ซึ่งอยู่ห่างจากถนน บางคนอธิบายเหตุผลที่ทุกคนต้องซ่อนตัว ก็เพราะมีการยิงและเกิดไฟไหม้บนหลังคา ซึ่งตอนแรก อูการ์ต พักอยู่ที่ชั้น 20

โรงแรมดุสิตธานี ที่ในเว็บไซท์ของโรงแรมบรรยายว่าเป็น " city of Angels " ได้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้สื่อข่าวที่เข้าไปรายงานเหตุการณ์ความไม่สงบ เนื่องจากเป็นจุดที่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของการชุมนุมของคนเสื้อแดงได้อย่างชัดเจน ทางการได้เตือนผู้สื่อข่าวให้อยู่ห่างจากสถานที่ชุมนุม เนื่องจากง่ายต่อการตกเป็นเป้าของผู้ก่อการร้าย หลังจากมีผู้เสื่อข่าว 4 คน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และมีช่างภาพเสียชีวิตไป 1 คนแล้ว นับจากความไม่สงบประทุขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม
sunny
sunny

จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fail State Empty Re: Fail State

ตั้งหัวข้อ  แฟนคลับ Thu May 20, 2010 12:38 pm

สื่ออิเหนาฟันธง ไทยย่อยยับ เศรษฐกิจฟื้นยาก

"จาการ์ตา โพสต์" สื่อดังในอินโดฯ ระบุ เหตุรุนแรงระลอกล่าสุด ทำลายความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจนย่อยยับ นักลงทุนทยอยถอนตัว แต่เป็นข่าวดีของชาติเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งเศรษฐกิจ..

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ระบุเหตุรุนแรงในประเทศไทยระลอกล่าสุดที่เกิดจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างฝ่ายต่างๆ จนถึงขั้นเกิด "สงครามกลางเมือง" ขนาดย่อมๆ ได้ทำลายศักยภาพด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทยจนหมดสิ้นแล้ว พร้อมกับชี้ว่านักลงทุนต่างชาติจำนวนไม่น้อยกำลัง "ทยอยถอนตัว" ออกจากไทย ไปตั้งฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไทยกำลังพ่ายแพ้คู่แข่งอย่าง "เวียดนาม" แบบหมดรูป

หนังสือพิมพ์จาการ์ตา โพสต์ ของอินโดนีเซียรายงานว่าเหตุปะทะนองเลือดที่เกิดขึ้นตามท้องถนนสายต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร ได้เปลี่ยนสภาพของการเป็น "เมืองท่องเที่ยวชั้นนำ" ของโลกแห่งนี้ ให้เป็นสมรภูมิของสงครามกลางเมืองไปแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติอย่างร้ายแรง และกำลังทำให้ประเทศไทยซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ "เร็วที่สุด" ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องประสบความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญต่อคู่แข่งอย่างเวียดนาม ซึ่งเป็นชาติทีไทย "ดูแคลน" มาตลอด

หนังสือพิมพ์รายวันฉบับภาษาอังกฤษที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซียยังระบุว่า เหตุรุนแรงทางการเมืองในไทยกำลังทำให้นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรม "การผลิตและภาคบริการ" เริ่มถอนตัวออกจากไทยแล้ว และคงยากยิ่งนักที่บรรดานักลงทุนเหล่านี้จะย้อนกลับเข้ามาลงทุนในไทยอีกในอนาคตแม้วิกฤติทางการเมืองที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของไทยครั้งนี้จะยุติลงได้ก็ตาม เนื่องจากภาพลักษณ์การเป็น "สวรรค์ของนักลงทุน " ของไทยได้ถูกทำลายจนย่อยยับไปแล้ว

ปัญหาทางการเมืองที่ "ยังจบไม่ลง" ในไทย กำลังกลายเป็น "ข่าวดี" สำหรับบรรดาประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ซึ่งเป็นคู่แข่งทางเศรษฐกิจกับไทย ทั้งอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์,ไม่เว้นแม้แต่เวียดนาม ซึ่งเคยถูกดูแคลนจากไทยว่าเป็นชาติที่ "ล้าหลังและเต็มไปด้วยสงคราม" ไม่เพียงเท่านั้น จาการ์ตา โพสต์ ยังระบุว่า คงเป็นการยากยิ่งนักหากทางการไทยคิดจะหวังพึ่งภาคการท่องเที่ยวซึ่งทำรายได้คิดเป็นสัดส่วนถึง "ร้อยละ 6" ของรายได้ทั้งหมดของประเทศ ให้ช่วยดึงดูดชาวต่างชาติกลับเข้าไทยอีกหลังเหตุรุนแรงทางการเมืองระลอกนี้สงบลง เนื่องจากภาพของความรุนแรงในไทยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ "ถูกฉาย" ไปทั่วโลก จนยากที่นักท่องเที่ยวจะวางใจและกลับมาเยือนประเทศไทยอีก.

แฟนคลับ

จำนวนข้อความ : 96
Registration date : 10/05/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fail State Empty Re: Fail State

ตั้งหัวข้อ  แฟนคลับ Thu May 20, 2010 12:45 pm

รายชื่อสถานที่ที่ถูกลอบวางเพลิงทั้งหมด ประกอบด้วย

1. โรงหนังสยามสแควร์ 14.26 รถดับเพลิงเข้าไม่ได้เพราะมียิงปะทะกันตลอด
2. โรงแรมเซ็นทารา ราชประสงค์ 14.11
3. อาคาร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 15.24 เหลือกลุ่ม ควัน
4. อาคารมหาทุน พลาซ่า 15.45 น.
5. อาคารมาลีนนท์ อาคารเอ 1 อาคาร เอ 2 เสียหายบางส่วน 14.44
6. ธ.กรุงเทพ สาขาพระราม 4 เวลา 16.05
7. การไฟฟ้านครหลวง คลองเตย 14.28 เข้าได้ แต่ไฟคุกอีกครั้ง
8. ธนาคารกรุงไทย สาขาอโศก 14.23
9. ธนาคารกรุงเทพ สาขาอโศก 14.23
10. ธนาคารออมสิน สาขา ดินแดน 14.00
11. ธนาคารกรุงเทพ สาขา ดินแดง 14.00
12. อาคารข้างสำนักงานปปส. 14.54
13. ธนาคารกรุงเทพ สาขาอนุสาวรีย์ชัยฯ 16.10
14. ห้างเซ็น เซ็นทรัลเวิลด์ 16.49 ไฟลุกไหม้ มากกว่า 8 ชั่วโมง จนอาคารบางส่วนพัง ทรุดลงมา
15. ธนาคารกรุงเทพ สาขา สุขุมวิท ซอย 83 เวลา 16.37
16. ธนาคารกสิกรไทย สาขา งามดูพลี 10.35
17. ธนาคารกรุงเทพ สาขาสาธุประดิษฐ์ 17.01
18. ธนาคารกรุงเทพ ถนนจันทน์ซอย6 ดับแล้ว
19. ธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานเหลือง 17.14 ไฟ ยังไหม้เข้าไม่ได้
20. ธนาคารนครหลวงไทย สาขา ดินแดง 17.30
21. ธนาคารนครหลวงไทย สาขาปีนัง 18.17
22. ธนาคารกรุงเทพ สาขา คลองเตย 18.19
23. ห้างเซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัยฯ 18.25
24. ร้านก๋วยเตี๋ยวพระนคร อนุสาวรีย์ชัยฯ 18.43
25. ร้านทอง พหลโยธิน ซอย 1 22.00 ยังลุกไหม้
26. เซเว่นอีเลฟเว่น หน้า ปปส. เวลา 18.32

27. ธนาคารกรุงเทพ สาขา หัวลำโพง 19.44 ดับแล้วไหม้ เล็กน้อย
28. โลตัสเอ็กเพรส พระราม 4
29. ป้อมตำรวจพระราม 3 เผายางรถยนต์ ดับแล้ว 22.00
30. ธนาคารกรุงไทย สาขา ตรงข้ามโรงเรียนมาแตเดอี สุขุมวิท 14.02
31.ธนาคารกสิกรไทย สาขาอนุสาวรีย์ชัยฯ ไฟไหม้ทั้งหมด
32.ศูนย์การค้า วัตสัน สาขาอนุสาวรีชัยฯ
33 ร้านดอกหญ้า
34. เซเว่น อีเลฟเว่น
35. ห้างบิ๊กซี ราชดำริ

หมายเหตุ ....สถานที่ดับเพลิงเข้าได้ช้ามาก เพราะพื้นที่อันตรายคือ เซ็นทรัลเวิลด์ และ โรงหนังสยามสแควร์ เพราะมีผู้ก่อการร้ายขัดขวาง ซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้
สรุปยอดล่าสุด

ไฟไหม้ธนาคาร 5 ธนาคาร 17 แห่ง
ธนาคารกรุงเทพฯ 10 สาขา
ธนาคารกรุงไทย 2 สาขา
ธนาคารนครหลวงไทย 2 สาขา
ธนาคารกสิกรไทย 1 สาขา
ธนาคารออมสิน 1 สาขา
โรงแรม 1 แห่ง
โรงภาพยนตร์ 1 แห่ง
ร้านทอง 1 แห่ง
ศูนย์การค้า 3 แห่ง
ร้านก๋วยเตี๋ยว 1 แห่ง
รถยนต์ข่าวช่อง 3 จำนวน 6 คัน

แฟนคลับ

จำนวนข้อความ : 96
Registration date : 10/05/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fail State Empty Re: Fail State

ตั้งหัวข้อ  hacksecrets Fri May 21, 2010 10:46 pm

hacksecrets
hacksecrets

จำนวนข้อความ : 765
Registration date : 28/06/2008

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fail State Empty Re: Fail State

ตั้งหัวข้อ  Neo Sat May 22, 2010 3:41 pm

Fail State A92814270
Neo
Neo

จำนวนข้อความ : 213
Registration date : 02/03/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ