เหงียน เกา กี...แผนที่ CIA กำลังใช้กับประเทศไทย
2 posters
หน้า 1 จาก 1
เหงียน เกา กี...แผนที่ CIA กำลังใช้กับประเทศไทย
อยากให้พี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆทุกคน ลองเข้าไปอ่านประวัติศาสตร์ของเหงียน เกา กี
แล้วจะมองเห็นภาพว่า ประเทศไทย ณ ปัจจุบัน ก็ไม่ได้มีสภาพที่แตกต่างจากเวียดนามในอดีตเลย
ข่าวล่าสุดมาแล้วว่า ทางรัฐบาลเตรียมให้ทหารเปลี่ยนใส่เสื้อแดงพร้อมอาวุธ
เข้ามาเพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศ
เพื่อเตรียมยกระดับความรุนแรง แล้วก็ประกาศเป็น พรก.ฉุกเฉิน
ทางกลุ่มเนวินเองก็ได้ส่งอาวุธเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยได้ส่ง M79 เข้าไปไม่ต่ำกว่า 7-800 อัน
ที่สำคัญ ทางรัฐบาลเตรียมตัวนายกรัฐมนตรีไว้แล้ว นามสกุล "ขึ้นต้นด้วยคำว่า สุ......"
คงเลี่ยงไม่ได้กับสถานการณ์นองเลือดที่จะเกิดขึ้นแล้วกระมัง
ที่สำคัญ คนที่ "ซวย" ก็หนีไม่พ้นทหาร
ยกเว้นว่า .....................(หลังไมค์นะจ๊ะ)
แล้วจะมองเห็นภาพว่า ประเทศไทย ณ ปัจจุบัน ก็ไม่ได้มีสภาพที่แตกต่างจากเวียดนามในอดีตเลย
ข่าวล่าสุดมาแล้วว่า ทางรัฐบาลเตรียมให้ทหารเปลี่ยนใส่เสื้อแดงพร้อมอาวุธ
เข้ามาเพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศ
เพื่อเตรียมยกระดับความรุนแรง แล้วก็ประกาศเป็น พรก.ฉุกเฉิน
ทางกลุ่มเนวินเองก็ได้ส่งอาวุธเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยได้ส่ง M79 เข้าไปไม่ต่ำกว่า 7-800 อัน
ที่สำคัญ ทางรัฐบาลเตรียมตัวนายกรัฐมนตรีไว้แล้ว นามสกุล "ขึ้นต้นด้วยคำว่า สุ......"
คงเลี่ยงไม่ได้กับสถานการณ์นองเลือดที่จะเกิดขึ้นแล้วกระมัง
ที่สำคัญ คนที่ "ซวย" ก็หนีไม่พ้นทหาร
ยกเว้นว่า .....................(หลังไมค์นะจ๊ะ)
sunny- จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008
Re: เหงียน เกา กี...แผนที่ CIA กำลังใช้กับประเทศไทย
วาทกรรมทรยศชาติ-หักทางอำนาจอะไรคือชาติและการทรยศ?
คอลัมน์ คิดเหนือข่าว
โดย เรืองยศ จันทรคีรี
วาทกรรมทรยศชาตินั้นเป็นเรื่องใหญ่ แม้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จะออกตัวไปอย่างไร ระบุว่าท่านมิใช่ผู้ส่งสารโดยตรงไปยังพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ...แต่ในความหมายของการสื่อสารทางการเมือง หรือมองในเชิงรัฐศาสตร์ นี่จึงเป็นวาทกรรมของการประกาศศึกอย่างชัดเจน อาจจะไม่ถึงขั้นเป่าปี่ตีกลองย้ำฆ้องศึกรบ ปะดาบก็เลือดเดือดอะไรทำนองนั้น!
ความ ปรารถนาดีที่ต้องส่งสัญญาณเตือน “บิ๊กจิ๋ว” เช่นนี้ทำให้ต้องประเมินรัฐธรรมนูญมาตรา 14 กันใหม่ให้จริงจัง บางทีอาจต้องเสนอแก้ไขกันใหม่หรือจัดส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อการตีความอย่าง เคร่งเครียดสักรอบหนึ่ง? คงจำกันได้ภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก้าวเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีหมาดๆ พลเอกเปรมเคยกล่าวสั้นๆเอาไว้ว่า “ผมเชียร์” วลีนี้อาจลอยๆ มิได้เป็นการสื่อสารลึกในเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง แต่ไม่เกิดผลดีสำหรับการเข้าใจผิดที่จะตีความไปทางหนึ่งทางใด?
จนถึง วาทกรรมทรยศชาติ ยิ่งเปิดโอกาสให้ตีความได้กว้างขวางหนักหนา อาจตีความไปได้ว่า “ผมไม่เชียร์” หมายถึงไม่เชียร์พลเอกชวลิตและพรรคเพื่อไทย ซึ่งนี่ถือเป็นการตีความขนาดเบาหากขยายขอบข่ายไปสู่นัยอื่นๆ ทำให้เราต้องนิยามหรือตีความเชิงวาทกรรมกันใหม่ว่าชาตินั้นคืออะไรแน่?
โดย ข้อเท็จจริงความเป็นชาติน่าจะหมายถึงประชาชน แผ่นดิน ภาษา วัฒนธรรม ระบบคุณค่าสถาบันต่างๆในสังคม บ้างยังรวมเอาอุดมการณ์ของชาติรวบรวมเข้าเป็นอีกส่วนด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ความหมายของชาติชาติหนึ่งยังมีมิติในเชิงวาทกรรมอีกด้วย ฉะนั้นการตีความหมายของชาติยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมองในแง่วาทกรรม
วาท กรรมแม้จะเป็นเพียงคำหรือชุดของภาษาที่ถูกสร้างหรือสมมุติขึ้น แต่เมื่อถูกเชื่อ ยอมรับเสียแล้ว ก็จะกลายเป็นอุดมการณ์
เป็นแนวทางที่ถูกนำไปสู่ภาคปฏิบัติ ผลักดันให้เป็นจริง โดยยังอาจกล่าวได้ว่าบ่อยครั้งในชาติหนึ่งๆยอมต่อสู้เสียสละ
พลีชีพเพื่อการผดุงรักษาวาทกรรมนั้นๆเอาไว้ นอกเหนือไปจากเหตุผลของการรักษาผืนแผ่นดิน ผลประโยชน์ของผู้คนร่วมกัน
ทั้งนี้ การอธิบายอุดมการณ์ให้เป็นประโยชน์หรือคุณค่า ศักดิ์ศรีของความเป็นชาติในอีกหนทางหนึ่ง อาจไม่ใช่สิ่งเสียหายก็ได้
แต่มีหลายๆครั้งก็ใกล้เคียงกับความโง่งมงายหรือตกเป็นเพียงเครื่องมือ?
ถ้า อย่างนั้นเราคงต้องตั้งคำถามว่าชาติคืออะไรกันแน่? โดยมีผู้คนส่วนใหญ่ได้เข้าใจ อธิบายแบบรวบหัวรวบหาง ชาติคือขอบเขตของแผ่นดิน ผลประโยชน์ ทรัพยากรบรรดามี ประชาชน ซึ่งอาจไม่พอ ยังต้องยึดโยงอุดมการณ์เบ็ดเสร็จเข้าไปด้วย คือชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ และอาจมีบางค่ายทหารพ่วงท้าย “ประชาชน”
สำหรับนักศึกษา นิยามความหมายของชาติที่เชี่ยวชาญ อธิบายกว้างๆว่าชาติคือแผ่นดินอันเป็นที่รวมของกลุ่มชน ยึดโยงไว้ด้วยวัฒนธรรม ภาษา หรือคุณค่าต่างๆที่ทำให้ประกอบ เกิดอยู่ร่วมกันได้
ปัญหาที่หลงผิดและวุ่นวายบ่อยครั้งในโลกนี้ เนื่องจากเหตุของการมีกลุ่มคณะหรือบุคคลมักไปผูกขาด คิดเอาชาติทั้งชาติมาครอบครองให้เป็นของตัวเอง คือเป็นความหมายของชาติที่จับจองเป็นสมบัติส่วนตัว?
เมื่อหลาย สิบปีมาแล้ว นายพลเหงียนเกากีเขียนบันทึกเกี่ยวกับการสิ้นชาติของเวียดนามใต้ คือกำลังพ่ายแพ้สงคราม ปัญหาและคำถามคงมีอยู่ว่า “เวียดนามได้สิ้นชาติจริงหรือ?” เพราะทุกวันนี้ยังเห็นชาติเวียดนามมีความเจริญก้าวหน้าด้วยดี ดีกว่ายุคอดีตขณะที่นายพลเหงียนเกากีไปเกรงว่า “ใกล้สิ้นชาติ”
เวียดนามใกล้สิ้นชาติตอนนั้นจึงเป็นเพียงความหมายว่ากำลังสิ้นไปจากการครอบครองอำนาจของเหงียนเกากีนี่เองที่ผมต้องการชี้ว่าเพราะ
"เหงียนเกากีเห็นตัวเองเป็นชาติ"
ถ้าใครอยู่ตรงข้ามเลยมองเป็นพวกทรยศชาติทำลายบ้านเมืองไปหมดสิ้น ความหมายดังกล่าวเลยเป็นชาติในเชิงของวาทกรรมที่เสกสรรขึ้นมา
ชาติ ในแง่นี้เป็นการจองจำรัฐธรรมนูญเอาไว้ คอยบงการรัฐบาลและกองกำลังในมือตัวเอง ใช้ทุกๆอย่างเพื่อตอบสนองความฝันของตน ซึ่งขับดันไปด้วยแรงตัณหาสารพัด...
ถ้า ผู้คนขัดขวางไม่เห็นด้วยกับกิเลสตัณหานั้นๆก็จะถูกครอบหมวกให้ด้วยข้อกล่าว หาหรือวาทกรรมทรยศชาติ โดยความจริงแล้วปัญหาแบบนี้ก็มีอยู่ทั่วโลก เราต้องแยกแยะระหว่าง “ชาติ” กับ “อำนาจ” ให้ชัดเจนครับ
(ที่มา หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ , 5 พฤศจิกายน 2552)
คอลัมน์ คิดเหนือข่าว
โดย เรืองยศ จันทรคีรี
วาทกรรมทรยศชาตินั้นเป็นเรื่องใหญ่ แม้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จะออกตัวไปอย่างไร ระบุว่าท่านมิใช่ผู้ส่งสารโดยตรงไปยังพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ...แต่ในความหมายของการสื่อสารทางการเมือง หรือมองในเชิงรัฐศาสตร์ นี่จึงเป็นวาทกรรมของการประกาศศึกอย่างชัดเจน อาจจะไม่ถึงขั้นเป่าปี่ตีกลองย้ำฆ้องศึกรบ ปะดาบก็เลือดเดือดอะไรทำนองนั้น!
ความ ปรารถนาดีที่ต้องส่งสัญญาณเตือน “บิ๊กจิ๋ว” เช่นนี้ทำให้ต้องประเมินรัฐธรรมนูญมาตรา 14 กันใหม่ให้จริงจัง บางทีอาจต้องเสนอแก้ไขกันใหม่หรือจัดส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อการตีความอย่าง เคร่งเครียดสักรอบหนึ่ง? คงจำกันได้ภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก้าวเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีหมาดๆ พลเอกเปรมเคยกล่าวสั้นๆเอาไว้ว่า “ผมเชียร์” วลีนี้อาจลอยๆ มิได้เป็นการสื่อสารลึกในเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง แต่ไม่เกิดผลดีสำหรับการเข้าใจผิดที่จะตีความไปทางหนึ่งทางใด?
จนถึง วาทกรรมทรยศชาติ ยิ่งเปิดโอกาสให้ตีความได้กว้างขวางหนักหนา อาจตีความไปได้ว่า “ผมไม่เชียร์” หมายถึงไม่เชียร์พลเอกชวลิตและพรรคเพื่อไทย ซึ่งนี่ถือเป็นการตีความขนาดเบาหากขยายขอบข่ายไปสู่นัยอื่นๆ ทำให้เราต้องนิยามหรือตีความเชิงวาทกรรมกันใหม่ว่าชาตินั้นคืออะไรแน่?
โดย ข้อเท็จจริงความเป็นชาติน่าจะหมายถึงประชาชน แผ่นดิน ภาษา วัฒนธรรม ระบบคุณค่าสถาบันต่างๆในสังคม บ้างยังรวมเอาอุดมการณ์ของชาติรวบรวมเข้าเป็นอีกส่วนด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ความหมายของชาติชาติหนึ่งยังมีมิติในเชิงวาทกรรมอีกด้วย ฉะนั้นการตีความหมายของชาติยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมองในแง่วาทกรรม
วาท กรรมแม้จะเป็นเพียงคำหรือชุดของภาษาที่ถูกสร้างหรือสมมุติขึ้น แต่เมื่อถูกเชื่อ ยอมรับเสียแล้ว ก็จะกลายเป็นอุดมการณ์
เป็นแนวทางที่ถูกนำไปสู่ภาคปฏิบัติ ผลักดันให้เป็นจริง โดยยังอาจกล่าวได้ว่าบ่อยครั้งในชาติหนึ่งๆยอมต่อสู้เสียสละ
พลีชีพเพื่อการผดุงรักษาวาทกรรมนั้นๆเอาไว้ นอกเหนือไปจากเหตุผลของการรักษาผืนแผ่นดิน ผลประโยชน์ของผู้คนร่วมกัน
ทั้งนี้ การอธิบายอุดมการณ์ให้เป็นประโยชน์หรือคุณค่า ศักดิ์ศรีของความเป็นชาติในอีกหนทางหนึ่ง อาจไม่ใช่สิ่งเสียหายก็ได้
แต่มีหลายๆครั้งก็ใกล้เคียงกับความโง่งมงายหรือตกเป็นเพียงเครื่องมือ?
ถ้า อย่างนั้นเราคงต้องตั้งคำถามว่าชาติคืออะไรกันแน่? โดยมีผู้คนส่วนใหญ่ได้เข้าใจ อธิบายแบบรวบหัวรวบหาง ชาติคือขอบเขตของแผ่นดิน ผลประโยชน์ ทรัพยากรบรรดามี ประชาชน ซึ่งอาจไม่พอ ยังต้องยึดโยงอุดมการณ์เบ็ดเสร็จเข้าไปด้วย คือชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ และอาจมีบางค่ายทหารพ่วงท้าย “ประชาชน”
สำหรับนักศึกษา นิยามความหมายของชาติที่เชี่ยวชาญ อธิบายกว้างๆว่าชาติคือแผ่นดินอันเป็นที่รวมของกลุ่มชน ยึดโยงไว้ด้วยวัฒนธรรม ภาษา หรือคุณค่าต่างๆที่ทำให้ประกอบ เกิดอยู่ร่วมกันได้
ปัญหาที่หลงผิดและวุ่นวายบ่อยครั้งในโลกนี้ เนื่องจากเหตุของการมีกลุ่มคณะหรือบุคคลมักไปผูกขาด คิดเอาชาติทั้งชาติมาครอบครองให้เป็นของตัวเอง คือเป็นความหมายของชาติที่จับจองเป็นสมบัติส่วนตัว?
เมื่อหลาย สิบปีมาแล้ว นายพลเหงียนเกากีเขียนบันทึกเกี่ยวกับการสิ้นชาติของเวียดนามใต้ คือกำลังพ่ายแพ้สงคราม ปัญหาและคำถามคงมีอยู่ว่า “เวียดนามได้สิ้นชาติจริงหรือ?” เพราะทุกวันนี้ยังเห็นชาติเวียดนามมีความเจริญก้าวหน้าด้วยดี ดีกว่ายุคอดีตขณะที่นายพลเหงียนเกากีไปเกรงว่า “ใกล้สิ้นชาติ”
เวียดนามใกล้สิ้นชาติตอนนั้นจึงเป็นเพียงความหมายว่ากำลังสิ้นไปจากการครอบครองอำนาจของเหงียนเกากีนี่เองที่ผมต้องการชี้ว่าเพราะ
"เหงียนเกากีเห็นตัวเองเป็นชาติ"
ถ้าใครอยู่ตรงข้ามเลยมองเป็นพวกทรยศชาติทำลายบ้านเมืองไปหมดสิ้น ความหมายดังกล่าวเลยเป็นชาติในเชิงของวาทกรรมที่เสกสรรขึ้นมา
ชาติ ในแง่นี้เป็นการจองจำรัฐธรรมนูญเอาไว้ คอยบงการรัฐบาลและกองกำลังในมือตัวเอง ใช้ทุกๆอย่างเพื่อตอบสนองความฝันของตน ซึ่งขับดันไปด้วยแรงตัณหาสารพัด...
ถ้า ผู้คนขัดขวางไม่เห็นด้วยกับกิเลสตัณหานั้นๆก็จะถูกครอบหมวกให้ด้วยข้อกล่าว หาหรือวาทกรรมทรยศชาติ โดยความจริงแล้วปัญหาแบบนี้ก็มีอยู่ทั่วโลก เราต้องแยกแยะระหว่าง “ชาติ” กับ “อำนาจ” ให้ชัดเจนครับ
(ที่มา หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ , 5 พฤศจิกายน 2552)
sunny- จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008
sunny- จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008
*_*- จำนวนข้อความ : 11
Registration date : 10/07/2009
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|