แผน " เผาป่า ฆ่าจิ้งหรีด "

[333Unit]

::::: ในยุคชุนชิว อ๋องแห่งแคว้นหลู่ ซึ่งมีตำหนักอยู่ ณ ยอดเขา ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้อันสมบูรณ์ อ๋องแห่งแคว้นหลู่เป็นบุคคลด้อยปัญญา ไร้สามารถ ไม่รอบรู้การปกครอง ทำไรมิเป็น ชอบแต่นั่งปั่นจิ้งหรีดให้กัดกันมาแต่เด็ก เมื่อได้สืบทอดอำนาจเป็นอ๋องจึ่งนำเอาวิธีการปั่นจิ้งหรีดนั้นไปใช้ในการปกครอง คือ ให้ชนในแคว้นตนทะเลาะเบาะแว้งแก่งแย่ง ฆ่ากัน เพื่อไม่ให้หันมาสนใจ ด้อยปัญญาในการปกครองของตน

จึงวันหนึ่งขณะที่อ๋องแคว้นหลู่กำลังปั่นหัวจิ้งหรีดตัวหนึ่ง เพื่อให้กัดอีกตัวหนึ่ง แต่จิ้งหรีดตัวนั้นกลับม้วนตัวกัดนิ้วเจ้าแค้วนหลู่โลหิตไหลท่วมแล้วมุดลงดินหนีไป

อ๋องแคว้นหลู่แค้นใจจิ้งหรีด ที่บังอาจกัดตนจึงสั่งอำมาต ข้าราชบริพาร ไล่ล่าหาตัวจิ้งหรีดตัวนั้นมาให้ได้
จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ก็ยังไม่อาจจับจิ้งหรีดตัวที่กัดนิ้วมือมาได้ ทุกครั้งที่อ๋องแคว้นหลู่กำมือ ก็จะกระทบแผล ให้หวลแค้นจิ้งหรีดทุกครั้งไป

"...ทำไมนะ กับแค่จิ้งหรีดตัวเล็ก ๆ พวกเจ้าจึงจับกันไม่ได้ ..." อ๋องแค้วนหลู่ถาม มหาอำมาตย์
"..ไม่ทราบว่ามันหลบไปอยู่ที่ใด นะท่านอ๋อง.. อีกอย่าง ตำหนักเราก็อยู่กลางป่า จิ้งหรีดมันคงหลบอยู่ในป่านี่แหละ เราจึงหามันไม่เจอ.." มหาอำมาตย์ตอบ
"...บ๊ะ !! กะแค่ป่า ทำไมต้องไปกังวล ก็เผาป่า เสียให้หมด มันหลบอยู่ในป่ามันก็ถูกไฟเผาตายเองแหละ..รีบไปจัดการตามข้าสั่ง เดี๋ยวนี้ !! " อ๋องแห่งแค้วนหลู่สั่งเฉียบ

มหาอำมาตย์ เมื่อได้รับคำสั่ง ก็สั่งทหารทั้งหลายจุดคบเพลิงเผาป่า ทั้งภูเขา

...... ไฟป่าที่จุดขึ้นเผาป่า เพื่อประสงค์ฆ่าจิ้งหรีดน้อย ได้ลุกลามขึ้นสู่ยอดเขาอันเป็นที่ตั้งของตำหนักอ๋องแคว้นหลู่
... ไฟไหม้ลามอยู่สามวัน ไม่มีสิ่งมีชีวิตในตำหนักที่เหลือรอด แม้แต่ตัวอ๋องแคว้นหลู่ ก็สิ้นใจตายในกองเพลิง พร้อมกับมหาอำมาตย์และบริวาร

........
เช้าแล้ว....น้ำค้างที่โปรยลงสู่ป่ายามค่ำคืน ช่างเย็นยะเยือก ลมที่พัดผ่านยอดเขานำความเย็นเข้ามาอีกครั้ง หลังความร้อนแห่งเปลวเพลิงเพิ่งผ่านไป...
.. จิ้งหรีดตัวน้อย คลานออกมาจากรอยแยกของพื้นดิน ไต่ใบบนใบหญ้าอ่อนที่เพิ่งแตกยอดจากเถ้า คลานไปสู่ซากปรักหักพังของตำหนัก ใต่ไปบนโครงกระดูกของอ๋องแคว้นหลู่ เจ้าของแผน " เผาป่า ฆ่าจิ้งหรีด "
.....................................................

เรื่องราวต่อจากนี้ไป เป็นเรื่องที่ควรศึกษาวิเคราะห์ เทียบเคียงประวัติศาสตร์บรรพกาล

[333Unit]

"... แผนเผาป่า ฆ่าจิ้งหรีด 2552..."

.....เมื่อเวลา11.00น. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย และอดีตนักบินเอฟ-16 ของกองทัพอากาศ แถลงกรณีรัฐบาลสั่งการให้เครื่องบินรบของกองทัพอากาศ พร้อมติดอาวุธเต็มอัตราศึกขึ้นบินประกบเครื่องบินพ.ต.ท.ทักษิณ ขณะเดินทางออกจากประเทศกัมพูชา ว่า

:::: นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เคยให้สัมภาษณ์ถึงเครื่องบินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่ามา ได้ขออนุญาตกรมขนส่งทางอากาศ (ขอ.) และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย เพื่อบินผ่านประเทศไทย เพราะไม่มีการแจ้งว่าเครื่องบินลำดังกล่าวมีอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้โดยสาร จึงไม่จำเป็นต้องล้วงเอาตารางการบินในประเทศกัมพูชา ทันที่ที่รัฐบาลไทยรู้ข้อมูล ในฐานะที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ได้ทำหนังสือสั่งการไปยังวิทยุการบิน ไม่อนุญาตให้เครื่องบินที่อดีตนายกรัฐมนตรี บินกลับผ่านน่านฟ้าไทย เพราะเป็นบุคคลที่ทำผิดกฎหมาย และมีข้อหากระทบความมั่นคง หากฝ่าฝืนก็จะส่งเครื่องบินขึ้นประกบบังคับให้ลงจอดในประเทศ และดำเนินการจับกุมอดีตนายกรัฐมนตรีทันที

:::: น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวพร้อมกับแสดงแผนการบินและคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ ยกเลิกการอนุมัติของกรมขนส่งทางอากาศที่5779/11/2009 และ5899/11/2009 ว่า จากคำให้สัมภาษณ์นาสุเทพ บิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะในส่วนของตารางการบินนั้น ตามกฎการบินสากล สนามบินต้นทางจะส่งข้อมูลให้กับประเทศที่จะขออนุญาตบินผ่านเฉพาะแบบของ เครื่องบิน นามเรียกขานของเครื่องบิน เส้นทางที่จะบินและข้อมูลจำเป็นอื่นๆเท่านั้น ส่วนข้อมูลของผู้โดยสารที่เดินทางมากับเครื่องบิน เป็นใครชื่ออะไรบ้างนั้น เป็นข้อมูลภายในของกัมพูชา มิได้ส่งให้ทางการไทยรับทราบ

"ขอตั้งข้อสังเกตว่านายสุเทพ ไปแอบทราบมาได้อย่างไรว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมากับเครื่องบินลำดังกล่าว จึงได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ยกเลิกการอนุมัติของกรมขนส่งทางอากาศที่ 5779/11/2009 และ5899/11/2009 เป็นการอนุมัติให้บินผ่านน่านฟ้าไทยของเครื่องบิน CL30 ลำดังกล่าวมีคำเรียกขาน N300BZ" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

[333Unit]

ข่าวเชิงลึกในเรื่องนี้มีว่า ......

..ผบ.ทอ. สั่งให้นำเครื่องบินรบ F-16 ADF รุ่นล่าสุดของเมืองไทยบินขึ้นจาก กองบินทางยุทธวิธีที่1 ฝูงบินรบที่102จังหวัดนครราชสีมาจำนวน 4ลำพร้อมติดจรวดหัวรบยิงระยะไกลสุดเส้นขอบฟ้า
ไปรอที่สนามบินอู่ตะเภา
ภารกิจ : เตรียมกำลังและปฏิบัติการใช้กำลังทางอากาศ
มีเครื่องบินที่ประจำการในฝูงบิน ๑๐๒ ได้แก่ F-16 ADF
ผู้รับผิดชอบภารกิจ ::::




ส่วนทางภาคใต้ใช้ กองบินที่ 7 ฝูงบินรบที่701 จังหวัดสุราษฏร์ธานี F-5E เป็นตัวสกัดกั้นการหลบหนี



:อาวุธที่ใช้ จรวดชื่อ ARAM ซึ่งมีใช้ในเมืองไทยเพียง 8 ลูก หายไป2ลูก(อเมริกาไม่ยอมขายให้มากกว่านี้)



สมรรถนะของจรวด :: ใช้ยิงเป้าหมายจากอากาศสู่อากาศควบคุมด้วยเรด้าของเครื่องบินหรือดาวเทียม ได้ด้วย ระยะหวังผลสุดเส้นขอบฟ้า (เป็นขีปนาวุธที่มีอนุภาพระดับหนึ่งของโลกเช่นกันจากการจัดหา กองทัพอากาศไทยได้ทำการร้องของการขาย AIM-120C-5 AMRAAM ซึ่งเป็นขีปนวุธอากาศสู่อากาศพิสัยกลางจากสหรัฐอเมริกา พร้อม ๆ กับคำร้องขอของกองทัพอากาศสิงคโปร์

แต่ทั้งนี้นโยบายของสหรัฐอเมริกาคือ ไม่ต้องการให้การขายอาวุธของสหรัฐเป็นการเพิ่มการแข่งขันสะสมอาวุธ หรือทำให้ดุลภาพทางทหารของภูมิภาคเสียไป โดยในขณะที่ภูมิภาคอาเซียนไม่มีจรวดนำวิถีพิสัยกลางอยู่ ในประจำการ สหรัฐจึงขอให้เก็บ AMRAAM ของกองทัพอากาศไทยและสิงคโปร์ไว้ที่ฐานทัพอากาศของสหรัฐ

ต่อมาเมื่อกองทัพอากาศมาเลเซียจัดหาขีปนวุธอากาศสู่อากาศพิสัยกลาง R-27 จากรัสเซียได้สำเร็จสหรัฐจึงมอบ AMRAAM ของกองทัพอากาศไทยและสิงคโปร์มาเก็บไว้ที่ประเทศไทยและสิงคโปร์) ตามลำดับ ซึ่ง F-16ADF นับเป็นเครื่องบินขับไล่แบบแรกของกองทัพอากาศไทยที่มีความสามารถในการโจมตีในระยะเกินสายตา (Beyond Visual Range: BVR)

[333Unit]

ทั้งหมดจะเป็นไปตามยุทธวิธีสกัดกั้น........ใช้ประกบข้าง2ลำ...นำหน้า1ลำ...ปิดท้าย1ลำ ตามแบบยุทธวิธีการบินบังคับให้ลงหรือ เมื่อเข้าเขตน่านฟ้าทางทะเลของไทยหรือสากล ก็ยิงด้วยจรวด AMRAAM ระเบิดกลางอากาศจมทะเล เพื่อไม่ต้องการให้พิสูจน์หาชิ้นส่วนของเครื่องบินโดยมีการซ้อมบินตามเส้นทางในแผนที่

22 พย. 2552 17:58 น.
:::: น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยระบุว่ารัฐบาลสั่งให้กองทัพอากาศนำเครื่องบินเอฟ 16 ประกบเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางออกจากประเทศกัมพูชาไปเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต ว่า

ข้อเท็จจริงคือเครื่องบินเช่าเหมาลำเครื่องนี้ระหว่างเดินทางไปกัมพูชา ได้ขอบินผ่านน่านฟ้าไทยทั้งขาไปและขากลับ ซึ่งเป็นกฎการบินปกติที่เครื่องบินทุกชนิด หากจะเข้าน่านฟ้าประเทศใดต้องขออนุญาต โดยไม่ได้แจ้งว่ามีผู้โดยสารเป็นใคร ซึ่งปกติก็ไม่จำเป็นต้องแจ้ง ทำให้ฝ่ายการบินอนุญาตให้ผ่านน่านฟ้าไทยทั้งไปกลับ แต่เมื่อรัฐบาลทราบว่าเครื่องบินลำดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้เป็นพาหนะ รัฐบาลจึงสั่งยกเลิกการอนุญาตบินผ่านน่านฟ้าไทยในขากลับ เพราะเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ และกองทัพอากาศไม่ได้ส่งเครื่องบินเอฟ 16 ไปประกบเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเครื่องบินลำนั้นไม่ได้บินเข้าน่านฟ้าไทย และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เครื่องบินบรรทุกอาวุธหนักประกบเครื่องบินพลเรือน เพราะมีขั้นตอนวิธีปฏิบัติจากเบาไปสู่หนัก

::::: รองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวด้วยว่า กองทัพอากาศมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยน่านฟ้า หากมีเครื่องบินไม่พึงประสงค์บินผ่านน่านฟ้า ก็ต้องส่งเครื่องบินขับไล่ปฏิบัติภารกิจ คือ 1.บินสกัดกั้นไม่ให้เครื่องบินลำนั้นเข้ามาในประเทศ 2.บินบังคับให้เครื่องบินลำนั้นลงจอดในสนามบินที่กองทัพอากาศกำหนด ซึ่งเป็นหน้าที่ของกองทัพอากาศอยู่แล้ว ไม่เฉพาะเครื่องบินที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เราปฏิบัติตามหลักสากล ทุกเครื่องบินที่ห้ามเข้าประเทศ

อย่างไรก็ตาม เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศเตรียมพร้อม 24 ชั่วโมงอยู่ที่ภาคพื้น บรรจุอาวุธหนักเต็มพิกัด เพื่อป้องกันเหตุไม่คาคคิด ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสากลที่ทุกกองทัพของนานาชาติปฏิบัติ

[333Unit]

::: จากข่าวสารที่ค่อยๆ ทยอยรั่วออกมาจนถึงวันนี้ ค่อนข้างน่าเชื่อถืออย่างมากว่า ทางการไทยมีการสั่งการให้เครื่องบินรบ ไปสังหาร พ.ต.ท.กลางอากาศ ด้วยจรวด ถ้าบินเข้ามาในน่านฟ้าของไทยจริง

ถามว่าทำไมจึงเชื่อเช่นนั้น จึงขอสรุปเหตุการณ์ พร้อมกับตั้งประเด็นข้อสงสัยไล่ตามลำดับเหตุการณ์พอสังเขป ดังนี้

1. ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับ 3-4 วัน บอกว่า มีข่าววงในเชิงลึก ว่าจะมี F-16 ไปไล่ยิง หรือจับเครื่องคุณทักษิณ ตอนนั้นทุกคนก็คิดว่า เป็นเรื่องขำขันหยอกล้อกันในงานเลี้ยง

2. ในเวลาต่อมาทางการกัมพูชาเชิญเลขาฑูตกลับ เนื่องจากเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ ปฏิบัติการในกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ ในวันเดียวกันนี้คุณกษิต บินกลับจากสิงคโปร์ทันที และแถลงตอบโต้กับพูชาไปนิดหน่อยในวันนั้น แต่ไม่มีใครทราบข้อเท็จจริงของการเชิญกลับ เดากันในตอนนั้นว่าอาจจะเนื่องจากไทยระงับข้อตกลง หรือจะยกเลิก MOU ?

[333Unit]

3. หลังจากนั้นเพียงวันเดียว นายศิวรักษ์ วิศวกรการบินคนไทย ที่ทำงานสนามบินเขมรก็โดนจับ เนื่องจากสำเนาเอกสารเส้นทางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อจะส่งให้กับทางการไทย โดยผ่านเลขาฑูตที่เชิญกลับไปเมื่อวาน ตอนนั้นทุกคนคิดว่าโดนจับพร้อมหลักฐานในขณะที่ทำผิด เลยยังสับสนว่าแล้วจะส่งใหเลขาฑูตได้อย่างไร ?

4. รัฐบาลปฏิเสธโดยสิ้นเชิงถึงความเกี่ยวข้องกับการจารกรรมเอกสาร และอ้างว่าเป็นเอกสารที่เปิดเผย ไม่จำเป็นต้องขโมย เพราะทราบดีอยู่แล้วถึงเส้นทางการบิน !!?

5. นายสุเทพปฏิเสธถึงแผนการสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณกลางอากาศ เพราะ ไม่อนุญาตให้เครื่องดังกล่าวผ่านน่านฟ้าในขากลับ และรู้รายละเอียดเครื่องบินดีอยู่แล้ว เนื่องจากทราบตั้งบินผ่านไปกัมพูชาครั้งแรก

6. ต่อมา มีการนำเสนอข้อมูลนายศิวรักษ์ วิศวกรการบินไทยที่ทำงานให้กับเขมรว่า รู้จักกับเลขาฑูตเป็นการส่วนตัว และในคืนก่อนโดนจับ ก็ออกจากที่พัก ไปที่ทำงานกลางดึก ส่วนที่โดนจับนั่นเพราะกลับเข้ามาทำงานในเช้าของอีกวันหนึ่ง

7. เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับจากเขมรไปยังที่พักชั่วคราวที่ประเทศดูไบ โดยไม่มีข่าวว่าเปลี่ยนเครื่องบิน หรือเส้นทางที่จะใช้กลับว่าผ่านทางไหน

8. มีกระแสข่าวส่วนหนึ่งกล่าวว่า นายศิวรักษ์ วิศวกรการบินไทยที่ทำงานในเขมร ได้ใช้ลูกน้องชาวกัมพูชาแฟกซ์ข้อมูล แล้วลูกน้องเลยแจ้งไปที่หัวหน้า หรือตำรวจเขมร เพราะเห็นว่าข้อมูลที่นายศิวลักษ์สั่งให้ส่งไปยังเลขาสถานทูตไทยในกัมพูชา เป็นตารางเส้นทางการบินของบุคคลสำคัญของประเทศ

9. ทีมโฆษก พท. แถลงว่า มีคำสั่ง (อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร) ให้เครื่อง F-16 และ F-5 อย่างละสองลำ บินลาดตะเวียนในน่านฟ้าไทย ตามข้อมูลที่ออกมา พบว่ามีเส้นทางการบินขนานไปกับเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งบินอยู่นอกอาณาเขตน่านฟ้าของไทย จริง

[333Unit]

10. นายสุเทพกล่าวในลักษณะยอมรับว่ามีการสั่งการจริง และมีอำนาจที่จะกระทำการดังกล่าวด้วย ตามกฏหมายมาตรใด มิได้กล่าว (บอกให้หาเอง) และทำหนังสือแจ้งมิให้เครื่องบิน ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารมานั้นบินเข้าน่านฟ้าไทยอีกด้วย

11. ทอ. ปฏิเสธถึงปฏิบัติการไล่ล่า สังหาร ดังกล่าว บอกแต่เพียงว่าเป็นการบินลาดตระเวน และซ้อมรบตามปกติ ส่วนการดำเนินการกับเครื่องบินที่ลุกล้ำน่านฟ้า จะต้องเริ่มจากมาตรการเบาไปหาหนัก

ข้อสังเกตุ
จากเหตุการณ์ทั้งหมด เป็นที่แน่ชัดว่าทางการไทยทราบดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางโดยใช้เครื่องบินอะไร แต่มาทราบรหัสของเครื่องบินก็ตอนบินผ่านครั้งแรก

ดังนั้น จึงทำให้นายสุเทพเลยสามารถทำหนังสือไปแจ้งได้ว่าจะไม่ให้เครื่องลำไหนผ่านน่านฟ้า เพราะ นักบินต้องรายงานรหัสเครื่องเพื่อขอผ่าน แต่ในอีกทางหนึ่งก็สั่งให้เครื่องบินรบบินลาดตะเวน ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่เครื่องบิน พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังอยู่กลางอากาศบนเส้นทางการบิน

[333Unit]

::: โดยปกติ ถ้ามีเครื่องบินไร้สัญชาติ หรือไม่ยอมรายงานสถานะ ทางการมีสิทธิเต็มที่ที่จะขอให้เครื่องบินลงจอด ณ ที่ใดที่หนึ่งตามที่ทางการกำหนด หากเครื่องดังกล่าวไม่ปฏิบัติตาม ก็อาจจะส่งเครื่องบินรบไปขู่ หรือร้ายแรงถึงขั้นยิงตก แต่คุณสุเทพกลับมีหนังสือสั่งการไปทั้งสองที่ ทางหนึ่งก็คือไม่ให้เข้า ทางที่สองคือไปลาดตระเวน มันเลยขัดๆ กัน เพราะ ถ้าไม่ให้เข้า แล้วสั่งให้ไปลาดตระเวนทำไม นอกจากว่าเครื่องบินคุณทักษิณฝ่าฝืนคำสั่งขอบินเข้ามา แต่นี่กลับเป็นคำสั่งที่รู้ล่วงหน้าถึงเส้นทางการบิน และเวลาทำการบินของเครื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ มันจึงได้มีคำสั่งที่สอง เผื่อว่าจะสังหารได้

ที่สำคัญคือ แล้ว นายสุเทพสามารถรู้กำหนดเวลาการบิน ของเครื่องบิน พ.ต.ท.ทักษิณได้อย่างไร เพราะ เป็นข้อมูลที่เปิดเผยก็จริง แต่เขาเปิดเผยในหน่วยงานของเขา ซึ่งไม่ได้อยู่ในประเทศไทย มันก็ดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงอยู่บ้างระหว่างการจารกรรมเอกสารการบิน กับการสั่งการให้มีการลาดตระเวน

อย่างไรก็ตามยังมีปมอีกหลายอย่างที่รอการเปิดเผย โดยเฉพาะหลักฐานที่ทางกัมพูชามี คืออะไร, คำสั่งที่ออกมาเป็นไปตามกฏบัตรการบินหรือไม่ และเลขาฑูตที่ถูกเชิญกลับหายไปไหน

ถึงกระนั้นจากที่ประมวลข้อมูลทั้งหมดแล้ว ค่อนข้างน่าเชื่อได้ว่าทางการไทยมีแผนที่จะใช้เครื่องบินรบ ยิงจรวดสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ กลางทะเล เพื่อไม่ให้ค้นหลักฐานมาพิสูจน์ได้ พร้อมกับอ้างข้อหาเครื่องบินไม่ปรากฏสัญชาติ บินผ่านน่านฟ้าไทยในลักษณะที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคง จึงต้องกำ

[333Unit]

แต่ผิดแผนตั้งแต่นายศิวรักษ์โดนจับ เลยไม่มั่นใจว่ากำหนดการบิน ที่ได้รับมาก่อนหน้านั้นแล้ว ยังถูกต้องหรือเปล่า จึงต้องมีคำสั่งให้ลาดตะเวนเผื่อไว้ก่อน แต่เครื่องบินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารมานั้นก็ไม่ได้เข้ามาในน่านฟ้าไทย เลยทำให้ผิดแผนการณ์ที่วางไว้

เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น แทบจะเป็นวินาทีวิกฤติที่จะพาคนไทย และประเทศเข้าสู่ภาวะสงครามเต็มรูปแบบอย่างเฉียดฉิว

.... เมื่อปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์เช่นนี้ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ???

>>> สรุป <<<

เมื่อข้อมูลทั้งหมดตามประมวลมา ทำให้ทุกอย่างมันแจ่มชัดแล้วว่า มีคนปัญญาอ่อนแต่โชคดีมีอำนาจบริหารรัฐ ได้สั่งการภายใต้แผน " เผาป่า ฆ่าจิ้งหรีด "

จากการที่มีการสั่งยกเลิกการอนุมัตเส้นทางการบินของเครื่องบินที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารมาด้วย โดยอ้างว่า เป็นภัยต่อความมั่นคง และกองทัพอากาศก็ออกมาบอกว่า ที่ต้องบินขึ้นขนาน(ซึ่งที่จริงเป็นการประกบด้วยเรดาร์ ไปตลอดทาง ประมาณว่า เข้าพื้นที่สังหารเป็นต้องยิงร่วงตามแผน) เพราะเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์

ข้อแก้ตัวทั้งหมดที่ออกมาจากการสัมภาษณ์ต่อสื่อของนายสุเทพ และ ทอ. กลายเป็นเหมือนคำรับสารภาพอย่างดี

เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นจริง แม้จะออกมาแก้ตัวว่า ทำไปเพราะอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็ฟังไม่ขึ้น เพราะรับสารภาพไปแล้ว

ต่อกรณีที่ ทอ. แถลงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ พร้อมกับนายสุเทพที่บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลที่เป็นผู้ต้องหาฉกรรจ์ของประเทศไทย(ข้อหาเซ็นชื่อรับรองภรรยาซื้อที่ดิน ?) หากบินเข้าประเทศต้องจับกุม สองอย่างนี้ขัดกันอย่างแรง

ที่จริงไม่ต้องไปว่า ทอ.เขาหรอก เพราะลำพัง ทอ. ทำเองไม่ได้หรอก เพราะว่าเครื่องบินที่ พ.ต.ท.ทักษิณโดยสารมานั้น ไม่ได้เป็นเครื่องบินรบ หากแต่เป็นแค่เครื่องบินพลเรือน จึงไม่มีความจำเป็นในการเข้าสกัดกั้นตามอ้าง อีกทั้งก่อนหน้านี้เครื่องบินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารลำนี้ ก็ได้รับการอนุญาตให้บินเข้า/ผ่าน น่านฟ้าไทยจากกรมการขนส่งทางอากาศแล้ว !!

:::: ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนสับสนในข้อมูลแล้วคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกัน นายสุเทพจึงสั่งยกเลิกการอนุมัติ/อนุญาตให้เครื่องบินที่ พ.ต.ท.ทักษิณโดยสารผ่านน่านฟ้าของประเทศไทย เพื่อเปิดทางเข้าสู่แผน "เผาป่า ฆ่าจิ้งหรีด" บรรลุผล โดยหวังว่าเมื่อเครื่องบินของทักษิณโดยสารนั้น ไม่ได้รู้ว่าทางนายสุเทพสั่งยกเลิกอนุญาตให้บินผ่านน่านฟ้าไทย ก็จะหลุดพรวดเข้าน่านฟ้าไทย เป็นการลุกล้ำน่านฟ้า เข้าสู่พื้นที่สังหาร อันเป็นหน้าที่ของF16 ที่ต้องยิงให้ร่วงลงทะเลไปตามแผน

สำหรับประเด็นที่เห็นชัดว่าขัดกัน คือกรณีที่นายสุเทพ บอกว่าหากเครื่องบินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บินผ่านน่านฟ้าก็จะบังคับให้ลงเพื่อจับกุม แต่โดยความเป็นจริงนายสุเทพกลับยกเลิกการอนุมัติการบินผ่านน่านฟ้า นายสุเทพคงไม่ได้คิดก่อนพูด ความลับจึงปูดออกมาจากวาจาของนายสุเทพเอง

และเมื่อไปดูกฏระเบียบการบินหรือการควบคุมอากาศยานที่กระทำผิดต่อกฏหมาย ก็ปรากฏว่า คำสั่งของนายสุเทพ ไม่ชอบด้วยกฏหมาย

.. เพราะว่า เครื่องบินไม่ได้ทำผิด ต่อให้มีคนที่เป็นผู้ก่อการร้ายอย่างบินลาเดน บินผ่านน่านฟ้าอเมริกา ก็จับไม่ได้ เพราะว่ามันไม่มีทางรู้ว่าบินลาเดนโดยสารมาด้วย เพราะเส้นทางการบินที่มีการแจ้งให้วิทยุการบินแต่ละโซนรับทราบนั้น เป็นเพียงข้อมูลของเครื่องบิน และเส้นทางที่ผ่านมาและกำลังจะไปเท่านั้น ไม่ได้บอกชื่อผู้โดยสาร

เรื่องนี้ก็เลยต่อเชื่อมข้อมูลส่วนที่ขาดหายได้ว่า จากศิวรักษ์ >> เลขาทูต >> นายสุเทพ ออกคำสั่งยกเลิกการอนุมัติการบินเข้า/ผ่านน่านฟ้าประเทศไทย

จุดประสงค์ ของนายสุเทพ มีเหตุผลเดียวคือ การทำให้เครี่องบินของ พ.ต.ท. เป็นเครื่องบินที่ผิดกฎหมายเท่านั้นเอง ตามหลักฐาน เครื่องบินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารนั้น ได้มีการขอเส้นทางการบินอย่างถูกต้อง และทางกรมการขนส่งทางอากาศก็อนุญาตย่างถูกต้องอีกด้วย

จากกรณีดังกล่าวข้างต้น นายสุเทพ ออกมาบอกว่าที่อนุญาตไปเพราะไม่รู้ว่าทักษิณมา หากรู้ก็ไม่อนุญาต แต่พอนายสุเทพรู้ก็เลยรีบยกเลิก ???

จึงเกิดคำถามตามมาว่า.... แล้วนายสุเทพไปรู้ได้อย่างไร ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารมากับเครื่องบินลำไหน เพราะไม่มีบริษัทการบินไหนบอกกันหรอกว่าผู้โดยสารเป็นใครบ้าง ??

และการที่นายสุเทพสั่งให้เครื่องบินของ ทอ. อย่าง F16 ที่เขาเข้า Alert ขึ้นบิน นายสุเทพรู้หรือไม่ว่า หากบินขึ้นไปยิงเครื่องบินพลเรือนตก ประเทศไทย / ทอ.งานเข้าแน่นอน และนักบินเขาก็รู้ดี เพราะเป็นเรื่องปฏิบัติ และเป็นสิ่งที่นักบินเขาทราบดีว่า จะยิงเครื่องบินพลเรือนไม่ได้ ในทุกกรณี
ดังนั้น การที่นายสุเทพสั่งการให้เอาเครื่อง ที่ Alert ติดอาวุธเต็มพิกัด บินประกบจากเรดาร์ หากไม่มีเจตนาฆ่า แล้วทำไมไม่เอาเครื่องอื่นขึ้นไปแทน

ซึ่งปฏิบัติการล่าสังหารที่ล้มเหลวครั้งนี้ ไม่ผิดกับคำสั่งให้ " เผาป่า ฆ่าจิ้งหรีด " ของอ๋องแคว้นหลู่ ในอดีต

[att]

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1260541967&grpid=&catid=01

วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เวลา 09:00:03 น.
มติชนออนไลน์


"มาร์ค"พร้อมส่งเอฟ16จับ"แม้ว"บินผ่านน่านฟ้าไทย14ธ.ค.
ชี้เขมรอภัยโทษศิวรักษ์ไม่ปกติหลายเรื่อง

"มาร์ค"" ประกาศพร้อมส่งเอฟ 16 บินบินประกบจับมือ "ทักษิณ" ถ้าบินผ่านน่านฟ้าไทย 14 ธ.ค.
บอกดีศิวรักษ์ได้รับอภัยโทษ ชี้ทุกคนมองออกมีความไม่ปกติหลายเรื่อง


มาร์คชี้มีความไม่ปกติหลายเรื่อง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ศูนย์การแสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี
ถึงการอภัยโทษให้นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ว่า ถ้าเป็นจริงถือเป็นเรื่องดี ในที่สุดเรื่องจะได้จบลง สิ่งสำคัญคือ
ให้นายศิวรักษ์ได้รับอิสรภาพ ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยขอยืนยันข้อเท็จจริงว่า
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะไปเอาความ ลับหรืออะไรออกมา เพราะเป็นข้อมูลที่เปิดเผยอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า จะชี้แจงให้เกิดความเข้าใจได้อย่างไรในเมื่อเรื่องโยงใยถึงนายคำรบ ปาลวัฒน์วิชัย
เลขานุการเอกสถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญว่าเป็นผู้สั่งการ เรื่องการล้วงข้อมูลความลับของกัมพูชา
นายกฯกล่าวว่า "ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ไม่มีความลับอะไร เครื่องบินที่จะบินเข้ามาต้องแจ้งเราอยู่แล้ว"
ส่วนกรณีที่นางสิมารักษ์เรียกร้องให้นายคำรบออกมาร่วมรับผิดชอบนั้น นายกฯกล่าวว่า "เป็นความคิดเห็น
ผมคิดว่าทุกคนพอจะมองออกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นมาอย่างไร มีความไม่ปกติหลายเรื่องอยู่แล้ว"

เมื่อถามว่า มีข่าวว่าวันจันทร์ที่ 14 ธันวาคมนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมากัมพูชาอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า
ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมาหรือไม่ เพราะข่าวมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
แต่ถ้ามาก็จะดำเนินการตามตามอำนาจหน้าที่และสิทธิที่พึงกระทำตามกฎหมาย

เมื่อถามย้ำว่า หากเครื่องบินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารมาบินผ่านน่านฟ้าไทยจะส่งเครื่องบินเอฟ 16
บินประกบและจับกุมตัวหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า "ถ้าผ่านมายังน่านฟ้าไทย เราก็ต้องพยายาม
ที่จะจับกุมเพราะเป็นคนที่หนีคดี"

"ชวน"ว่าเท่ากับยอมรับทำผิดจริง

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนนายศิวรักษ์ได้รับ
การพระราชทานอภัยโทษว่า เรื่องนี้ต้องเห็นใจ เพราะคนที่โดนศาลจำคุกทางไหนเป็นทางออกได้ก็ต้องทำ
และพยายามที่จะให้พ้นผิด โดยส่วนตัวคิดว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้นนายศิวรักษ์ไม่ได้เจตนาทำผิดอะไร
ดังนั้นจึงอยากให้อุทธรณ์ เพราะถือว่าไม่ยอมรับว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด ซึ่งศาลสูงกัมพูชา
ก็คงจะให้ความเป็นธรรม หากไม่อุทธรณ์ก็เท่ากับคดีจบ ถือว่าผิดจริงตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
และการขออภัยโทษ ก็เท่ากับยอมรับผิดเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องแง่กฎหมาย
แต่เรื่องความเดือดร้อนก็ต้องเห็นใจ ดังนั้น เมื่อใครช่วยได้ก็ถือเป็นเรื่องดี จึงไม่อยากให้เข้าใจว่า
เป็นการตบหน้าหรือรัฐบาลเสียหน้า เพราะรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศก็ทำดีที่สุดตามกรอบกฎหมาย
เพราะถ้าทำเกินกรอบของกฎหมาย โดยการวิ่งเต้นส่วนตัวคงไม่ได้ ส่วนจะใช้วิธีใดก็อยู่ที่ครอบครัวของนายศิวรักษ์
ไม่อยากให้วิจารณ์ เพราะเป็นความทุกข์ความลำบากเมื่อศาลตัดสินเช่นนี้

ส่วนที่มีการมองว่าเรื่องนี้มีการจัดฉากนั้น นายชวนกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ใน พท.ออกมาพูดก่อนแล้วว่า
จะขออภัยโทษก่อนศาลตัดสิน ซึ่งยังคิดว่าศาลยังไม่ตัดสินแล้ว พท.ไปพูดเรื่องนี้ก่อนได้อย่างไร
น่าจะฟังศาลก่อน พูดมาล่วงหน้าอย่างนี้เสมือนว่ารู้คำพิพากษา มองว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา
แต่เมื่ออยู่ในภาวะที่นายศิวรักษ์เดือดร้อนจึงไม่อยากพูดอะไรให้เสียใจกัน

"บัวแก้ว"ยันข่าว "ศิวรักษ์"ได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว

นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์
วิศวกรชาวไทย ที่ถูกศาลกัมพูชาพิพากษาจำคุก 7 ปี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จฯนโรดม สีหมุนี
กษัตริย์แห่งกัมพูชา พระราชทานอภัยโทษให้เป็นอิสระภาพแล้ว และจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 14 ธ.ค.นี้




อืมม..ตกลงสรุปว่า มีคนสั่งให้ทำจริงๆ ว่างั้นเหอะ

[พีพี]

...ลงรูปนักบินขนาดนี้ เขาจะไม่เคืองเอาเหรอคะ ...นู๋แค่สงสัยน่ะ มิได้มีปัญหาอันใด