สัญญาณอันตราย...ส่งตรงจากโอบาม่า

[sunny]

หากเราได้ติดตามข่าวช่วงที่ผ่านมา

เราจะพบได้ว่าโอบาม่า ได้มาเยือนภูมิภาคเอเชีย

และการมาครั้งนี้ โอบาม่าได้ส่งสัญญาณเตือนมายัง "อภิสิทธิ์"

ว่าถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินแผนการขั้นเด็ดขาด

โดยการแสดงให้เห็นถึงการ "ไม่แยแส" ที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย

แม้กระทั่ง "จีน" ซึ่งเป็นความหวังของไทยมาตลอด ก็เมินหน้าหนีไปช่วยสนับสนุน "กัมพูชา"

(‘กัมพูชา’ถ่วงดุลระหว่าง‘ตะวันออก’กับ‘ตะวันตก’)

ในขณะที่ "รัฐบาลนายอภิสิทธิ์" ก็ประกาศแข็งกร้าวกับ "ประเทศกัมพูชา" อย่างไม่ลดละ

โดยมี "ทักษิณ" เป็นตัวช่วยในการสุมไฟให้ร้อนมากขึ้น

[sunny]

ประกอบกับในทางโหราศาสตร์ (เอาแบบงูๆปลาๆนะคะ)

๑ ซึ่งเปรียบถึง ผู้นำ ได้เดินเข้าสู่ราศีพิจิก(-๓) และจะกินเวลายาวนานถึง ๑ เดือน

ในทางโหราศาสตร์แล้ว ราศีที่แย่ที่สุดของดาว ๑ คือ ราศีพิจิก นั่นคือดวงของผู้นำตกอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่สุดๆ

และหากใครลองสังเกตการเดินของดวงดาวในช่วงนี้ จะพบว่าดาวต่างๆมีการเดินที่ผิดปกติ

นั่นหมายถึง อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประเทศไทย ก็อาจเป็นได้

แต่ในเรื่องรายละเอียดเชิงลึกสำหรับดาวแต่ละตัว

ต้องรบกวนท่านผู้รู้มาชี้แจงแถลงไขค่ะ

[sunny]

สำคัญและน่าจับตามองนั่นคือ

เดือนพฤศจิกายนนี้ทั้งเดือน ทุกศุกร์เป็นวันโลกาวินาศ (เรากับพระอาจารย์เจอเรื่องก็ศุกร์ที่ ๖ พ.ย.เช่นกัน)

และโลกาวินาศใหญ่คือวันศุกร์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ซึ่งชนกับมหาวันของชาวพุทธเช่นกัน

เพราะวันศุกร์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ตรงกับวันขึ้น ๑๐ ค่ำ

เปรียบให้เห็นภาพก็คือ กองทัพพระ กับกองทัพมาร มาประจันกันเต็มๆ

เราเชื่อในพุทธานุภาพ และเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของผืนแผ่นดินไทย

ยังไงๆ "กองทัพมาร"ไม่มีวันที่จะชนะ"กองทัพพระหรือคุณความดี"ได้เด็ดขาด

[MI-6]

ผู้รู้ยังติดการงานสานธุระ
ใช่ปล่อยปละ ละเลย ในคำถาม
ผู้ไม่รู้ ขออาสา มาต่อความ
จากที่รู้ ตามตำรา ว่าด้วยดาว

ครูอาจารย์ มีข้อห้าม แห่งโหรา
อย่าริอ่าน ยุ่งการเมือง เรื่องอี้อฉาว
ลิขิตฟ้า อย่าแพร่งพราย ด้วยปากเบา
หรือมาเล่า กันเอามัน สนั่นเมือง

เขาห้ามไว้อย่างนั้น โปรดสังเกตว่า พวกที่ว่าทายแม่น ครั้นพูดออกไปแล้ว จะไม่เป็นตามนั้น
นั่นเพราะอะไร ? .... รู้ แต่ไม่บอกหรอก ปล่อยให้สงสัย คาใจ ซะงั้น

ด้วยความรู้แบบกระจอกศรีตัวจริง เลย ก็คือว่า เรามีความเห็นว่า ดาวที่เจ็บๆ ตอนนี้มีหลายดวงอยู่ในราศีทวารละ ซึ่ง มาอยู่แต่เมื่อไหร่ก็ไม่ได้สังเกต แต่พอดูอีกทีอ้าวก็ไปสถิตอยู่เสียแล้ว

อังคาร พฤหัส และ ศุกร์ แค่สามดวงนี้ก็ป่วน แล้วละ

ส่วนที่ว่า บ้านเมืองเราจะยังไง ก็ต้องแคล้วคลาด เพราะว่า อะไร ลองไปอ่านรามเกียรติดูได้ เล่มหนึ่ง
ในนั้นมีคำตอบ

ยังไงก็ช่วยกันทำดีให้มากๆ เพื่อประเทศชาติ ทำดีโดยหนักแน่น แล้วไม่ต้องคิดอะไรมาก
คนอื่นเลวยังไง ก็ปล่อยไป อย่าไปคิดว่า ทำไมเราต้องทำดีคนเดียว

ทำดีทำยังไง มีคนสงสัย

ไม่ต้องมาก ทำหน้าที่ของตัวอย่างเที่ยงธรรม อย่าเห็นแก่ตัว มากเกินไป เพราะอย่าลืมว่าถ้าประเทศชาติ กับ เพื่อนร่วมชาติส่วนใหญ่เขามีอันต้องเดือดร้อน เราจะสุขอยู่คนเดียวเป็นไปไม่ได้

กระแสการทำความดี ก็เป็นขุมพลังอย่างหนึ่ง เหมือนกับวิธีการที่เขาเปรียบเทียบเรื่อง Critical Speed
แบบที่ เขาอุปมาว่า ถ้านำคนจีนทั้งประเทศมายืนในจุดเดียวกันแล้วตบเท้าพร้อมกัน โลกสะเทือน !!!

[sunny]

เป็นที่จับจ้องมาหลายวันแล้วว่า 10 ธ.ค. 2552 ซึ่งตรงกับวันรัฐธรรมนูญ
มวลชนกลุ่มเสื้อแดงจะชุมนุมกันอีกตามที่ระบุไว้ก่อนหน้าหรือไม่ ?
และยิ่งมีการระบุว่าทหารพรานที่ปลดประจำการแล้วนับร้อย ๆ
จะเข้าเป็นการ์ดในการชุมนุม และอาจมีการปะทะเกิดขึ้นได้ หลาย ๆ
ฝ่ายก็ยิ่งวิตก ซึ่งเอาเข้าจริงจะอย่างไร...ก็ต้องดูกันไป

แต่ในทางโหรนั้นตั้งแต่ 10 ธ.ค.นี้ไป “น่าเป็นห่วง”

และต่อเนื่องถึงสิ้นปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ก็ “ยิ่งล่อแหลม”

ทั้งนี้ อ.เก่งกาจ จงใจพระ นักโหราศาสตร์ ระบุว่า... ตามปฏิทินโหราศาสตร์
ตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 2552 ดาวอังคารที่โคจรอยู่ในราศีกรกฎ เป็นนิจ
จะเริ่มโคจร “วิปริต” คือเดินพักร องศาถอยหลัง จาก 27 องศา 6 ลิปดา
จะเดินถอยอย่างยาวนานตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 2552 ไปจนถึงวันที่ 24 มี.ค.
2553 เหลือ 7 องศา 8 ลิปดา และวันที่ 18 ม.ค. 2553
ดาวเสาร์ในราศีกันย์ก็จะเดิน “วิปริต” ถอยองศา ไปจนถึงวันที่ 21
พ.ค. 2553

การที่อังคาร ที่หมายถึง “ทหาร” เดินวิปริต 3 เดือนกว่า ในราศีกรกฎ ย่อม
“ไม่เป็นผลดีกับบ้านเมือง” ราศีกรกฎเป็นภพที่ 4 ของดวงเมืองที่ราศีเมษ
หมายถึง “ประชากรและอาณาเขต จะได้รับความเดือดร้อนจากดาวอังคาร (ทหาร)”
อังคารเป็นนิจ หมายถึง “ทหาร นอกราชการ” จะออกมาเคลื่อนไหว โดยมีดาวเนปจูน
หมายถึง “มวลชนสีแดง” อยู่ในราศีกุมภ์ ทำมุมปลายหอกกับราหูตัวคราสในราศีธนู

หลังวันที่ 10 ธ.ค. นี้ไปแล้ว พอถึงวันที่ 14 ธ.ค. 2552 ดาวพฤหัสบดี
เป็นนิจ อยู่ในราศีมังกร จะย้ายเข้าราศีกุมภ์ โคจรร่วมกับดาวเนปจูน
ซึ่งเป็นภพมรณะของราศีกรกฎที่ดาวอังคารสถิตอยู่
ดาวพฤหัสบดีนั้นเป็นประธานฝ่ายศุภเคราะห์ เปรียบเหมือนตัวแทน “รัฐบาล”
เมื่อไปโคจรร่วมกับดาวเนปจูน คู่ศัตรู ย่อม
“ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงตามมา” ซึ่งดาวเนปจูน
เป็นดาวประธานฝ่ายบาปเคราะห์

ประธานสถาบันโหราศาสตร์เก่งกาจพยากรณ์ บอกอีกว่า... เนปจูนเป็นดาวมวลชน
และสีแดง โคจรอยู่ในราศีกุมภ์ภพที่ 11 ของดวงเมือง
ซึ่งทำมุมโยคกับราหูในราศีธนู ภพที่ 9 ของดวงเมือง
หมายถึงการติดต่อกับหัวหน้าฝ่ายบาปเคราะห์ให้สนับสนุน และกดดันดาวพฤหัสบดี
คือรัฐบาล ทั้งนี้หลังวันที่ 14 ธ.ค. 2552
ดาวพฤหัสบดีหลุดจากตำแหน่งนิจในราศีมังกร เริ่มจะมีกำลัง
เริ่มจะเป็นตัวของตัวเอง ก็ย่อมไม่ยอมอ่อนข้อให้กับดาวเนปจูนสีแดง

“ต้องติดตามสถานการณ์ ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. 2552 เป็นต้นไป
รัฐบาลจะขับเคลื่อนไปทางไหน ในเมื่อคณะรัฐมนตรีก็ไม่สมประกอบ มีส่วนชำรุด
รอศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด
เป็นช่วงพิสูจน์ความสามารถของผู้นำรัฐบาลว่าจะฝ่าวิกฤติได้หรือไม่
ถ้าสามารถนำ พารัฐบาลผ่านวิกฤติได้ก็จะเป็นการสร้างโอกาส
ทำให้ตัวผู้นำเอง อยู่ยาวไปจนครบเทอม แต่จะเป็นโชค หรือเคราะห์
ยังไม่รู้ ??” ...อ.เก่งกาจระบุ

ที่ว่าจะเป็นโชคหรือเคราะห์นั้นในทางโหราศาสตร์ก็จะยึดโยงกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติด้วย
ซึ่งเรื่องของปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินั้น “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์”
เคยนำเสนอไปแล้วว่าช่วงท้ายปีนี้ คืนสิ้นปีเก่า 31 ธ.ค. 2552
ต่อเนื่องเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ 1 ม.ค. 2553 จะเกิด
“จันทรุปราคา-จันทรคราส” แบบบางส่วน

ในทางดาราศาสตร์ช่วงที่เริ่มเกิดจันทรุปราคาแบบบางส่วนครั้งนี้ยังเป็นวันที่ 31 ธ.ค. ปี
ค.ศ. 2009 ตามเวลาสากล ส่วนตามเวลาในประเทศไทยจะเริ่มเห็นดวงจันทร์แหว่งเวลา 01.53 น. ของวันที่
1 ม.ค. ปี พ.ศ. 2553 ขณะดวงจันทร์มีมุมเงยประมาณ 70 องศา ทางทิศตะวันตก
เงามืดจะเข้าบังดวงจันทร์ลึกที่สุดราว 8% ของเส้นผ่าศูนย์กลางดวงจันทร์
ในเวลา 02.23 น. ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่สูงประมาณ 60 องศา
แล้วดวงจันทร์จะกลับมาสว่างเต็มดวงอีกครั้งในเวลา 02.53 น.
รวมเวลาเกิดจันทรุปราคาบางส่วนนานประมาณ 1 ชั่วโมง

สำหรับในทางโหราศาสตร์-การคำนวณทางโหราศาสตร์ อ.เก่ง กาจบอกว่า...
เกิดจันทรคราส เวลา 02.14 น. ที่ราศีตุล วันที่ 1 ม.ค. 2553
ซึ่งตรงกับวันศุกร์ แรม 1 ค่ำ เดือน 2 ปีฉลู จ.ศ. 1371 ซึ่ง
“เป็นวันอุบาทว์ และโลกาวินาศ” ตามกาลโยคประจำปี แล้วยัง
“ซ้ำด้วยการมีจันทรคราสเกิดขึ้น” อีกด้วย
โดยคำพยากรณ์ตามปรากฏการณ์ของดวงดาวเช่นนี้ ก็ต้องระวังบุตรบริวารทำให้เสียทรัพย์
ผู้หลักผู้ใหญ่ที่พึ่งพาอาศัยอุปการะจะได้รับความเดือดร้อนเจ็บป่วย
จะมีสิ่งชั่วร้ายเข้ามาสร้างความอัปยศอดสู ทรัพย์สินเสียหายยานพาหนะประสบอุบัติเหตุ

และตามดวงวันขึ้นปีใหม่ที่จะมาถึงยังต้องระวังปัญหาเด็กวัยรุ่นสร้างความ
วุ่นวายจนเป็นเรื่องใหญ่ข่าวใหญ่ในสังคม จะมีโรคระบาดเกี่ยวกับตา
ข้าวของสินค้าจะมีราคาแพง จะเกิดไฟไหม้กลางเมือง ข้าราชการจะมีคดีต้องโทษ
อากาศจะแล้ง โจรผู้ร้ายชุกชุม โจรโหดปล้นจี้ฆ่าเจ้าทรัพย์
การทำมาหากินไม่แน่นอน อาชีพฝืดเคือง

“ประชาชนจะเดือดเนื้อร้อนใจกับความวุ่นวายทางการเมือง”
...อ.เก่งกาจพยากรณ์ และระบุทิ้งท้ายด้วยว่า... ต้นปีหน้า วันที่ 15 ม.ค.2553 ก็จะเกิด “สุริยคราส” อีก
ซึ่งก็เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน

ทั้งสถานการณ์ล่าสุดและหลักโหราศาสตร์...เทไปทางเดียวกัน

ดาวโคจรวิปริต-เดือนดับ-ตะวันดับ...ขณะการเมืองยังร้อนรุ่ม

ต้องจับตา...ว่า “เมืองไทยเดือด” จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ???.

[sunny]

ฮิลลารี เผยไม่ขออยู่ในรัฐบาลโอบามาตลอด 8 ปี

นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ เปิดเผยในรายการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า จะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไปตลอด 8 ปีเต็ม ถ้าประธานาธิบดีโอบามาชนะการเลือกตั้งได้เป็นผู้นำสหรัฐต่ออีกสมัย เธอบอกว่าจะเกษียณตัวเองเพื่อไปเขียนและสอนหนังสือ

นางคลินตัน ซึ่งอยู่ในแวดวงการเมืองระดับชาติมานาน 20 ปี บอกว่า เธอมีความสุขกับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่ก็รู้สึกร่างกายเหน็ดเหนื่อย เธอปฏิเสธที่จะทำงานในรัฐบาลจนครบ 8 ปี และบอกว่าเมื่อถึงเวลาหนึ่ง จะดีใจมากถ้าได้มอบงานนี้ให้กับคนอื่นได้ทำบ้าง

นางคลินตันย้ำ ว่า จะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เธอต้องการมีชีวิตส่วนตัวหลังจากพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และบอกว่ามีอีกหลายสิ่งที่สนใจอยากจะทำ เช่น การอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ และอาจจะสอนหนังสือด้วย รวมไปถึงการเดินทางส่วนตัวที่ไม่ต้องมีคนร่วมคณะเป็นร้อยเหมือนในปัจจุบัน นอกจากนี้ได้แสดงความหวังว่าในเวลาที่เหลือของชีวิตจะได้อุทิศตัวให้กับการ ทำงานเพื่อสิทธิของสตรีและเด็กผู้หญิง

การให้สัมภาษณ์ของนางคลินตัน ออกอากาศในเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลง นโยบายประจำปีต่อรัฐสภา เธอไม่ได้ไปร่วมการแถลงครั้งนี้ เพราะอยู่ที่กรุงลอนดอน เพื่อร่วมประชุมนานาชาติว่าด้วยอัฟกานิสถานและเยเมน และตามธรรมเนียมแล้วจะต้องมีสมาชิกในคณะรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งอยู่ที่อื่นที่ ไม่ใช่อาคารรัฐสภา เผื่อกรณีเกิดเหตุการณ์เลวร้ายกับประธานาธิบดีและผู้ที่อยู่ทั้งหมดในสภา