นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทส. "การแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า"

[sunny]

เนชั่นทันข่าว
นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เผยความคืบหน้ากรณีการจับกุมแก๊งรุกป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 4 , 000 ไร่ว่า การจับกุมครั้งนี้ เป็นผลมาจากการแจ้งเบาะแสการบุกรุกป่ามาที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ (ศปท.) ของ ทส. จึงได้ตรวจสอบพื้นที่โดยใช้ดาวเทียมสแกนพื้นที่ และพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าจริง จากนั้น จึงสั่งการลงไปยังพื้นที่เข้าไปตรวจสอบทางลับ และพบว่ามีมูลความจริง พร้อมทั้งได้ประสานกับนายประชา เตรัตน์ ผวจ.สุราษฎร์ธานี เพื่อวางแผนจับกุมขบวนการรุกป่าครั้งนี้ขึ้น โดยได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯประมาณ 300 คนกระจายกำลัง 16 พื้นที่จนสามารถจับกุมผู้ใหญ่บ้าน อบต.และเครือข่ายผู้บุกรุกตามที่มีเบาะแสแจ้งมา ซึ่งทางตำรวจจะสอบสวนและดำ เนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะที่กรมอุทยานฯจะใช้อำนาจตามมา 22 ของพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ เข้าไปรื้อถอนพืชผลอาสิน และยึดพื้นที่ของอุทยานที่ถูกบุกรุกคืนมา
พื้นที่ดังกล่าวมีปัญหาอิทธิพลในท้องถิ่นมาก ทำให้ส่งผลต่อการปราบปรามการรุกป่าในพื้นที่ โดยปี 51 มีเจ้าหน้าที่อุทยานถูกยิงตายไปแล้ว 2 ราย ส่วนกรณีนายสุรวุฒิ สุทธมุสิก หัวหน้าอุทยานฯ พร้อมกับช่างรังวัดอีก 1 คน ได้ย้ายเข้ามาประจำการที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) ตั้ง แต่วันที่ 17 มี.ค. ก่อนที่จะสนธิกำลังเข้าไปจับกุมเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบ สวน ข้อเท็จจริง หากปรากฎหลักฐานว่าอาจมีส่วนร่วมกับขบวนการรุกป่า หรือละเลยต่อปัญหา จึงจะตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป ทั้งนี้ตนได้รายงานให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทส. ทราบก่อนที่จะลุยเข้าพื้นที่ และนายสุวิทย์ สั่งการให้ทำงานเต็มที่ โดยจะมีการขยายผลในเขตป่ารอยใกล้เคียงพื้นที่เพิ่มเติม
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทส. กล่าวว่า การแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า ถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ตนให้ความสำคัญมาก เนื่องจากยังไม่มั่นใจว่าข้อมูลที่ระบุว่าพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 25% ของพื้นที่ประเทศทั้งหมดนั้น หากตรวจสอบกันอย่างละเอียดและชัดเจนจะยังคงมีป่าเท่าเดิมหรือไม่ เพราะจากการที่เข้าไปจับกุมการรุกป่าแม่ระมาดที่ จ.ตาก ที่มีการลักลอบตัดไม้สักและตั้งหมู่บ้าน โรงเลื่อยกันในเขตป่าทำให้เป็นห่วงว่า ขบวนการตัดป่ารุกป่ายังคงมีอยู่ และไม่สามารถแก้ปัญหาได้ โดยเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา จึงตั้งตั้งศปท.เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแจ้งเบาะแสรุกพื้นที่ และแจ้งเรื่องไฟป่า โดยจะนำเทคโนโลยีดาวเทียมเข้ามาช่วยตรวจสอบสภาพปัญหา ซึ่งปรากฎว่าเพียงแค่เดือนกว่าๆ มีการแจ้งเบาะแสเข้ามามากถึง 57 ครั้งและกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเบื้องต้น.
“ หากไม่สามารถพิสูจน์แนวป่า หรือจำแนกแนวเขตป่าให้ชัดเจนได้ และปล่อยให้มีการตั้งหมู่บ้านในเขตป่าต้นน้ำ ก็จะไม่สามารถรักษาป่า ไว้ได้ ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมป่าไม้ กรมอุทยาน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทำการสำรวจและจำแนกแนวเขตที่ดิน ของรัฐ ( Reshape) โดยเฉพาะพื้นที่อนุรักษ์ทั่วประเทศ โดยจะใช้ภาพถ่ายทางอากาศในอดีตตั้งแต่ปี 2494 ก่อนการประกาศเขตป่าสงวน และเขตอุทยานมาเทียบกับพื้นที่ที่มีการตั้งหมู่บ้านในเขตป่าว่ามีการขยายแนวเขตออกไปมากน้อยแค่ไหน เพราะขณะนี้มีแผนที่ละเอียดขนาด 1:4000 แล้ว โดยเฉพาะหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ต้นน้ำและอ่อนไหวที่จะเสี่ยงต่อการบุกรุก จะต้องย้ายออกกทันทีหากพบว่ามีการรุกป่าเพิ่มเติม ทั้งนี้ประเมินว่าถ้าตรวจสอบกันจริงน่าจะมีหมู่บ้านในป่ามากกว่า 2 , 000 แห่ง ” รมว.ทส.ระบุ
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า หากพิสูจน์ได้ว่าชาวบ้านได้เข้าไปอาศัยอยู่ก่อนการประกาศเป็นเขตอุทยานก็จะให้เอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน โดยจะเร่งตรวจสอบในพื้นที่มีความอ่อนไหวก่อน ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาตรวจสอบที่ดินทั่วประเทศกว่า 42 0 , 00 0 ไร่ ได้ในภายใน 2 ปี โดยในส่วนที่ ทส.ดูแลอยู่จะเป็นเขตพื้นที่อนุรักษ์ และเขตพื้นที่ป่า ทั้งนี้เตรียมเสนอ ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อของบดำเนินการรีเชฟครั้งนี้ประมาณ 2 , 000 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาใช้บริหารจัดการ การลงสำรวจพื้นที่ การแบ่งแยกแปลง การกันพื้นที่ออก และปักเขตพื้นที่ให้ชัดเจน
“ หลังพิสูจน์ว่าชาวบ้านเป็นผู้บุกรุกป่านั้น ในบางพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวสูง อาจนำนโยบายเข้าไปดำเนินการเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน เช่น หากชาวบ้านมีการดูแลป่า ก็อาจกำหนดเป็นพื้นที่ป่ากันชน เพื่อกันการรุกป่า หรืออาจกำหนดเป็นพื้นที่ฟื้นฟูในบางแห่ง หรืออาจทำเป็นธนาคารที่ดิน ตามนโยบายรัฐบาล ส่วนบางแห่งที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่เป็นชุมชนใหญ่นั้นก็อาจทำเป็น หมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ ตามแนวพระราชดำริ โดยพิจารณาว่าชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้หรือไม่ ” นายสุวิทย์ กล่าว

ref: http://www.suwitkhunkitti.net/2009/03/28/forest-reservatio/