พิพิธภัณท์พระมหาชนก สานพระราชปณิธานในหลวง
หน้า 1 จาก 1
พิพิธภัณท์พระมหาชนก สานพระราชปณิธานในหลวง
จากเรื่องราวของ มหาชนกชาดก ซึ่งมีที่มาจากวรรณคดีในพระพุทธศาสนาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสดับพระธรรมเทศนาของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เมื่อ พ.ศ. 2520 ได้กลายเป็นพระราชนิพนธ์ "พระมหาชนก" ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเป็นคำสอนที่ล้ำค่าในโอกาสเฉลิมฉลองกาญจนาภิเษกแห่งรัชกาล ให้เป็นเครื่องพิจารณาเพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของปวงชนชาวไทย และขจรขจายเป็นพระเกียรติคุณที่ยิ่งใหญ่จนเลื่องลือไปทั่วโลก
กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตบางเขน และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ร่วมกับวัดพระศรีมหาธาตุ นำโดย พระธรรมเจติยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ เป็นประธานอำนวยการ มีพระราชสารเวที ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เป็นแม่งาน อัญเชิญมาจัดสร้างเป็น "พิพิธภัณฑ์พระมหาชนก" เพื่อเชิดชูพระพุทธศาสนา พัฒนาท้องถิ่น ถวายพ่อหลวงของแผ่นดิน และเทิดพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่จะทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554
sunny- จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008
Re: พิพิธภัณท์พระมหาชนก สานพระราชปณิธานในหลวง
เหตุที่เลือกสร้าง "พิพิธภัณฑ์พระมหาชนก" เพราะพระมหาชนก เป็นพระราชนิพนธ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรัก เป็นวรรณกรรมล้ำค่า และเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา พระองค์ทรงรื้อฟื้นธรรมะเรื่องความเพียรมาแสดงใหม่ โดยทรงดัดแปลงเนื้อเรื่องให้เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ ได้ทรงมีพระราชดำริให้นำศิลปะมาสอดแทรกเนื้อหาหลักธรรม จนเรื่องพระมหาชนกกลายเป็นคุณธรรมนำชีวิต เป็นคติธรรมที่สามารถสอนคนได้ทุกสาขาอาชีพ สอนคนไทยได้ทั้งชาติ และสอนประชากรได้ทั้งโลก
พระธรรมเจติยาจารย์ เจ้าคณะภาค 8 (ธรรมยุต) และเจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่จัดทำโครงการ "พระมหาชนก" ฉบับพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้นความเจริญรุ่งเรืองของดินแดนสุวรรณภูมิ กรณีที่พระมหาชนกทรงมุ่งเดินเรือมาค้าขาย แสดงตำแหน่งที่ตั้งของเมือง พยากรณ์ทางอุตุนิยมวิทยาและโหราศาสตร์ ด้วยแผนที่ฝีพระหัตถ์ถึง 4 แผ่น ทรงปรารภเรื่องการเกษตรกรรม และการจัดการศึกษาอย่างทั่วถึงแพร่หลาย ทรงแสดงให้เห็นว่า ความเพียรที่บริสุทธิ์เป็นคุณธรรมสำคัญที่ต้องรื้อฟื้นขึ้นมา เพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิต และเป็นมรดกธรรมแก่กุลบุตรกุลธิดาชาวไทยในอนาคตกาล
พระธรรมเจติยาจารย์ เจ้าคณะภาค 8 (ธรรมยุต) และเจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่จัดทำโครงการ "พระมหาชนก" ฉบับพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้นความเจริญรุ่งเรืองของดินแดนสุวรรณภูมิ กรณีที่พระมหาชนกทรงมุ่งเดินเรือมาค้าขาย แสดงตำแหน่งที่ตั้งของเมือง พยากรณ์ทางอุตุนิยมวิทยาและโหราศาสตร์ ด้วยแผนที่ฝีพระหัตถ์ถึง 4 แผ่น ทรงปรารภเรื่องการเกษตรกรรม และการจัดการศึกษาอย่างทั่วถึงแพร่หลาย ทรงแสดงให้เห็นว่า ความเพียรที่บริสุทธิ์เป็นคุณธรรมสำคัญที่ต้องรื้อฟื้นขึ้นมา เพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิต และเป็นมรดกธรรมแก่กุลบุตรกุลธิดาชาวไทยในอนาคตกาล
sunny- จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008
Re: พิพิธภัณท์พระมหาชนก สานพระราชปณิธานในหลวง
พระราชนิพนธ์เรื่องนี้ทรงสร้างสรรค์ใหม่ ต่างสำนวนจากที่เคยปรากฏในวงวรรณคดีไทยให้ทันสมัย เพื่อพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย และจะเป็นแบบอย่างแก่ชาวโลกด้วย
ความเพียรที่บริสุทธิ์เป็นคุณธรรมอันประเสริฐที่ต้องรื้อฟื้น ขึ้นมา เพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ทรงพัฒนาเมืองอวิชชา เป็นเมืองคนดี มีวิชชา มีคุณธรรม "คุณธรรมนำชีวิต" ให้เป็นมรดกธรรมแก่กุลบุตร กุลธิดาชาวไทยสืบไปด้วยดี "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแปลมหาชาดกเสร็จสมบูรณ์ เมื่อปี พ.ศ. 2531 และทรงพระกรุณาโปรดฯ ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์"
พระมหานิรุตต์ ฐิตสํวโร เลขานุการโครงการ กล่าวว่า "พระมหาชนก ถือเป็นวรรณคดีระดับโลก หากผู้ใดได้ศึกษาก็จะได้บทเรียนแง่คิดเพิ่มพูนขึ้นทุกครั้งที่ศึกษา งานวรรณกรรมเรื่องพระมหาชนกนี้ จึงเปรียบเสมือนเพชรที่เจียระไนด้วยช่างฝีมือประณีต สูงคุณค่า แต่ละเหลี่ยม แต่ละมุม ล้วนดึงดูดใจให้หยุดคิด พินิจพิจารณา นักพัฒนาก็ได้แง่คิดมุมมองในวิถีทางของการพัฒนาที่ยั่งยืน... นักภาษาศาสตร์ก็จะได้เห็นถึงความไพเราะงดงามของภาษา และการเปรียบเทียบระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ.. ผู้รู้ทางด้านศาสนาก็จะได้แง่คิดทั้งในแง่จารีตของการสืบทอดพระศาสนาเป็นลายลักษณ์อักษรและความลุ่มลึกของปรัชญาชีวิตที่เป็นพุทธปรัชญา.. ท่านที่เป็นครูก็จะเห็นแง่มุมมากมายในการสั่งสอน เรียนรู้ และอบรมบ่มนิสัยเยาวชนของเรา"
ดังนั้น เมื่อได้แนวทางในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว พระธรรมเจติยาจารย์ และ พระราชสารเวที จึงร่วมกับทีมงานเสาะหาต้นแบบที่จะนำมาสร้างพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะต้องมีลักษณะงดงามวิจิตรตระการตา เป็นแหล่งศึกษาธรรมะที่ล้ำค่า ยืนยงเป็นสมบัติของชาติและประกาศพระเกียรติคุณให้เป็นที่ปรากฏประจักษ์ไปตลอดชั่วกาลนาน
ซึ่งจากการศึกษาข้อมูล พบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากจะทรงดัดแปลงให้ "พระมหาชนก" เป็นเรื่องของธรรมะร่วมสมัยแล้ว ยังทรงโปรดฯ ให้ศิลปินช่วยเขียนภาพประกอบเรื่อง เป็นศิลปะไทยร่วมสมัย และทรงพระราชทานพระราชดำริให้ออกแบบคล้ายเทพนิยายของฝรั่ง แต่ก็ให้ปรับปรุงให้เป็นศิลปะไทยร่วมสมัย ถึงพร้อมด้วยความงดงามและเข้าถึงธรรมะที่เป็นแก่นสาร ประกอบกับการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เห็นว่า มีสถาปัตยกรรมที่เข้าข่าย สามารถนำมาเป็นต้นแบบอยู่ 2-3 แห่ง ได้แก่ พิพิธภัณฑ์วาติกัน มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และ มหาวิหารแห่งมิลาน (ดูโอโม) ทั้งหมดอยู่ในประเทศอิตาลี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะอันงดงาม และเป็นมรดกโลก
ความเพียรที่บริสุทธิ์เป็นคุณธรรมอันประเสริฐที่ต้องรื้อฟื้น ขึ้นมา เพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ทรงพัฒนาเมืองอวิชชา เป็นเมืองคนดี มีวิชชา มีคุณธรรม "คุณธรรมนำชีวิต" ให้เป็นมรดกธรรมแก่กุลบุตร กุลธิดาชาวไทยสืบไปด้วยดี "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแปลมหาชาดกเสร็จสมบูรณ์ เมื่อปี พ.ศ. 2531 และทรงพระกรุณาโปรดฯ ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์"
พระมหานิรุตต์ ฐิตสํวโร เลขานุการโครงการ กล่าวว่า "พระมหาชนก ถือเป็นวรรณคดีระดับโลก หากผู้ใดได้ศึกษาก็จะได้บทเรียนแง่คิดเพิ่มพูนขึ้นทุกครั้งที่ศึกษา งานวรรณกรรมเรื่องพระมหาชนกนี้ จึงเปรียบเสมือนเพชรที่เจียระไนด้วยช่างฝีมือประณีต สูงคุณค่า แต่ละเหลี่ยม แต่ละมุม ล้วนดึงดูดใจให้หยุดคิด พินิจพิจารณา นักพัฒนาก็ได้แง่คิดมุมมองในวิถีทางของการพัฒนาที่ยั่งยืน... นักภาษาศาสตร์ก็จะได้เห็นถึงความไพเราะงดงามของภาษา และการเปรียบเทียบระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ.. ผู้รู้ทางด้านศาสนาก็จะได้แง่คิดทั้งในแง่จารีตของการสืบทอดพระศาสนาเป็นลายลักษณ์อักษรและความลุ่มลึกของปรัชญาชีวิตที่เป็นพุทธปรัชญา.. ท่านที่เป็นครูก็จะเห็นแง่มุมมากมายในการสั่งสอน เรียนรู้ และอบรมบ่มนิสัยเยาวชนของเรา"
ดังนั้น เมื่อได้แนวทางในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว พระธรรมเจติยาจารย์ และ พระราชสารเวที จึงร่วมกับทีมงานเสาะหาต้นแบบที่จะนำมาสร้างพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะต้องมีลักษณะงดงามวิจิตรตระการตา เป็นแหล่งศึกษาธรรมะที่ล้ำค่า ยืนยงเป็นสมบัติของชาติและประกาศพระเกียรติคุณให้เป็นที่ปรากฏประจักษ์ไปตลอดชั่วกาลนาน
ซึ่งจากการศึกษาข้อมูล พบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากจะทรงดัดแปลงให้ "พระมหาชนก" เป็นเรื่องของธรรมะร่วมสมัยแล้ว ยังทรงโปรดฯ ให้ศิลปินช่วยเขียนภาพประกอบเรื่อง เป็นศิลปะไทยร่วมสมัย และทรงพระราชทานพระราชดำริให้ออกแบบคล้ายเทพนิยายของฝรั่ง แต่ก็ให้ปรับปรุงให้เป็นศิลปะไทยร่วมสมัย ถึงพร้อมด้วยความงดงามและเข้าถึงธรรมะที่เป็นแก่นสาร ประกอบกับการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เห็นว่า มีสถาปัตยกรรมที่เข้าข่าย สามารถนำมาเป็นต้นแบบอยู่ 2-3 แห่ง ได้แก่ พิพิธภัณฑ์วาติกัน มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และ มหาวิหารแห่งมิลาน (ดูโอโม) ทั้งหมดอยู่ในประเทศอิตาลี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะอันงดงาม และเป็นมรดกโลก
sunny- จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008
Re: พิพิธภัณท์พระมหาชนก สานพระราชปณิธานในหลวง
และภาพที่พบก็ไม่ผิดหวัง เริ่มตั้งแต่ "พิพิธภัณฑ์วาติกัน" ตั้งอยู่ในส่วนหนึ่งของวังแห่งองค์สันตะปาปา เป็นที่เก็บและแสดงงานศิลปะ ภายในมีจุดเด่นของ ภาพเขียน ทั้งแบบธรรมดาทั่วไป ภาพนูน และภาพแกะสลัก อีกทั้งยังมีไหมพรมปักเป็นรูปภาพเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ ศิลปะภาพวาดนั้นเป็นฝีมือศิลปินชื่อดัง ไมเคิล แองเจโล
พระมหานิรุตต์ ฐิตสังวโร เลขานุการเจ้าคณะภาค 8 (ธรรมยุต) หนึ่งในกรรมการและเป็นผู้ประสานงานหลักของโครงการซึ่งเดินทางไปด้วย พูดถึงความงดงามของสถานที่แต่ละแห่งที่จะนำมาเป็นต้นแบบในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์พระมหาชนกว่า จากการได้พบเห็นสิ่งมหัศจรรย์สวยงามเหล่านี้ ทำให้คณะกรรมการฝ่ายการออกแบบพิพิธภัณฑ์พระมหาชนก พอจะสรุปได้ถึงรูปแบบที่จะนำมาเป็นต้นแบบในการสร้างพิพิธภัณฑ์พระมหาชนก ดังนี้
อันดับแรก รูปแบบทางเดินเข้าพิพิธภัณฑ์ สนใจในรูปแบบของพิพิธภัณฑ์วาติกัน ที่มีหลังคาทางเดินเป็นทรงโดม เพดานโดมวาดเป็นภาพสวยงาม อีกทั้งสองข้างทางเดินยังประดับด้วยภาพวาดอันทรงคุณค่า
sunny- จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008
Re: พิพิธภัณท์พระมหาชนก สานพระราชปณิธานในหลวง
"คิดว่าทางเดินลักษณะนี้น่าจะนำมาประยุกต์สร้างเป็นส่วนของการจัดแสดงของระเบียงวิหารคดที่ล้อมรอบพระเจดีย์ศรีมหาธาตุ ซึ่งภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระอุรังคธาตุอยู่ ส่วนภาพวาดที่จะประดับตามทางเดินนั้นก็จะเป็นภาพเรื่องราวของชาดกในพระพุทธศาสนา รวมทั้งเรื่องพระมหาชนก พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ต่อมาคือ "โดม" ของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ พระมหานิรุตต์บอกว่า ความงดงามของสถาปัตยกรรมรูปโดม จะนำมาเป็นรูปแบบของการสร้างเพดานและมุขวิหารคดรอบพระเจดีย์ศรีมหาธาตุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์
สุดท้ายนี้คือ "ศิลปะกระจกสี" ของมหาวิหารแห่งมิลาน จะนำเอาศิลปะการประดับกระจกสีมาทำเป็นเรื่องราวของพระมหาชนกที่อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์
"อาตมาได้เห็นทางเดินเข้าพิพิธภัณฑ์วาติกันถึงกับตะลึงในความงดงามของภาพเขียน เขามีเทคนิคดึงดูดให้คนที่เข้าไปเกิดความรู้สึกอยากดูไปเรื่อยๆ หากนำมาสร้างเป็นทางเดินในวิหารคดรอบๆ องค์พระเจดีย์คงจะงดงามมาก และศิลปะกระจกสีแห่งมหาวิหารมิลานก็น่าทึ่ง มีทั้งความสวยงาม ความนิ่มนวล โบสถ์แห่งนั้นสร้างมาเป็นพันปีแล้ว แต่ยังสวยงามขนาดนี้ คิดว่าคนโบราณสามารถสร้างได้ขนาดนี้มันเป็นสิ่งที่ล้ำลึกในอัจฉริยภาพของศิลปินมากๆ ทั้งหมดที่ได้ศึกษาดูงานจะนำมาทำพิพิธภัณฑ์พระมหาชนก ที่วัดพระศรีมหาธาตุ (บางเขน) จะเป็นผู้สร้างขึ้น"
พระมหานิรุตต์ กล่าวต่ออีกว่า พิพิธภัณฑ์พระมหาชนกนั้น จัดสร้างเพื่อเทอดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยอัญเชิญเรื่องราวของพระมหาชนกมาเป็นสื่อ เมื่อประชาชนได้เห็นแล้ว นอกจากจะเป็นการเทิดพระเกียรติ ยังเป็นเรื่องราวที่สอนคนให้มีความวิริยอุตสาหะมีความเพียรที่จะนำไปใช้ในชีวิตต่อไป
ต่อมาคือ "โดม" ของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ พระมหานิรุตต์บอกว่า ความงดงามของสถาปัตยกรรมรูปโดม จะนำมาเป็นรูปแบบของการสร้างเพดานและมุขวิหารคดรอบพระเจดีย์ศรีมหาธาตุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์
สุดท้ายนี้คือ "ศิลปะกระจกสี" ของมหาวิหารแห่งมิลาน จะนำเอาศิลปะการประดับกระจกสีมาทำเป็นเรื่องราวของพระมหาชนกที่อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์
"อาตมาได้เห็นทางเดินเข้าพิพิธภัณฑ์วาติกันถึงกับตะลึงในความงดงามของภาพเขียน เขามีเทคนิคดึงดูดให้คนที่เข้าไปเกิดความรู้สึกอยากดูไปเรื่อยๆ หากนำมาสร้างเป็นทางเดินในวิหารคดรอบๆ องค์พระเจดีย์คงจะงดงามมาก และศิลปะกระจกสีแห่งมหาวิหารมิลานก็น่าทึ่ง มีทั้งความสวยงาม ความนิ่มนวล โบสถ์แห่งนั้นสร้างมาเป็นพันปีแล้ว แต่ยังสวยงามขนาดนี้ คิดว่าคนโบราณสามารถสร้างได้ขนาดนี้มันเป็นสิ่งที่ล้ำลึกในอัจฉริยภาพของศิลปินมากๆ ทั้งหมดที่ได้ศึกษาดูงานจะนำมาทำพิพิธภัณฑ์พระมหาชนก ที่วัดพระศรีมหาธาตุ (บางเขน) จะเป็นผู้สร้างขึ้น"
พระมหานิรุตต์ กล่าวต่ออีกว่า พิพิธภัณฑ์พระมหาชนกนั้น จัดสร้างเพื่อเทอดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยอัญเชิญเรื่องราวของพระมหาชนกมาเป็นสื่อ เมื่อประชาชนได้เห็นแล้ว นอกจากจะเป็นการเทิดพระเกียรติ ยังเป็นเรื่องราวที่สอนคนให้มีความวิริยอุตสาหะมีความเพียรที่จะนำไปใช้ในชีวิตต่อไป
แก้ไขล่าสุดโดย sunny เมื่อ Fri Nov 07, 2008 12:55 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
sunny- จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008
Re: พิพิธภัณท์พระมหาชนก สานพระราชปณิธานในหลวง
สำหรับการออกแบบพิพิธภัณฑ์และการจัดสร้างหลังจากนี้ พระมหานิรุตต์บอกว่า มีการหารือกัน 3 หน่วยงาน คือวัดพระศรีมหาธาตุ สำนักงานเขตบางเขน และสำนักงานพระพุทธศาสนา โดยมอบให้กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างแบบ ทั้งหมดใช้งบในการก่อสร้างประมาณ 90 ล้านบาท
หลังจากออกแบบเสร็จเรียบร้อย คาดว่าจะลงมือก่อสร้างได้ราวเดือนพฤศจิกายน 2551 แล้วเสร็จในปี 2554
ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา
ที่มา: พระไทยเน็ต
หลังจากออกแบบเสร็จเรียบร้อย คาดว่าจะลงมือก่อสร้างได้ราวเดือนพฤศจิกายน 2551 แล้วเสร็จในปี 2554
ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา
ที่มา: พระไทยเน็ต
sunny- จำนวนข้อความ : 3511
Registration date : 28/06/2008
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|