TITV ก้าวใหม่ บนเส้นทางอันขมขื่น !!

[sunny]

.......โดยความเป็นจริงแล้ว การปิดสถานีโทรทัศน์เสรี TITV ผู้รู้ดีที่สุดคือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ตัดสินใจกระโดดเข้าร่วมทุน ด้วยคิดว่าจะใช้เป็นกระบอกเสียงให้กับ "พรรคไทยรักไทย" เพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้วางแผนหรือประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า ตามที่นักธุรกิจควรกระทำ แต่เป็นพฤติกรรมของ "นักฉวยโอกาส"

....เพราะโดยปกติของนักลงทุน ก่อนที่จะเข้ามาร่วมทุนหรือ กำหนดนโยบายใดใดก็แล้วแต่ ทำไมไม่ดูเงื่อนไขในสัญญาสัมปทานกันบ้างว่า เค้าให้ทำอะไรบ้าง สามารถแก้ไขสัญญาจากสถานีทีวีเสรี เป็นสถานีทีวีบันเทิงได้หรือไม่

......ดังนั้น พอกลุ่มชินเข้ามา ก็ได้ทำการเปลี่ยนผังรายการ เพิ่มสัดส่วนรายการบันเทิงเข้าไปมากขึ้น เพื่อให้ทำการโฆษณาได้มากขึ้น แต่ได้รับความเห็นชอบทางหน่วยงานราชการเจ้าของคลื่นความถี่นี้หรือไม่ และยังจะเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญาผลตอบแทนรัฐอีกด้วย

ปรากฏว่า ภาครัฐก็ไม่ได้อนุญาตให้แก้ไขแต่อย่างใด เพราะเจตนารมย์ของสถานีตั้งแต่แรกและเงื่อนไขในสัญญาสัมปทานที่ต้องจ่ายผล ตอบแทนรัฐด้วย

ในเมื่อบริษัท ทำผิดเงื่อนไขสัญญาแก้ไขผังรายการ เพิ่มสัดส่วนบันเทิงเข้าไป ทำให้ภาครัฐ ได้ส่งหนังสือทักท้วง แต่บริษัทก็ยังไม่ได้ปรับผังรายการแต่อย่างใด
จนวันนึง ภาครัฐเหลืออด เพราะถือว่าแจ้งเตือนมาหลายครั้งแล้ว ก็มีคำสั่งให้ ดึงคลื่นความถี่ที่ออกอากาศนี้ กลับมาเป็นของรัฐ และรัฐเองก็ฟ้องร้องบริษัท เนื่องจากทำผิดเงื่อนไขสัญญา และจะต้องจ่ายค่าปรับหลักหลายหลายล้าน(จำไม่ได้)

ในเมื่อบริษัท ทำผิดเงื่อนไขสัญญา เจ้าของคลื่น ก็จะต้องนำความถี่นี่ กลับมาบริหารเอง นั่นก็คือ การบริหารกิจการสถานีโทรทัศน์ระบบ UHF "TiTV"

พนักงานของ บริษัท ก็ควรจะเรียกร้องกับบริษัท ถึงผลกระทบจากรายได้ ผลกระทบต่อหน้าที่การงาน เพราะพนักงานของ itv ก็เป็นพนักงานของ itv ไม่ใช่ว่าไปเรียกร้องจากเจ้าของคลื่นความถี่ที่เป็นภาครัฐ ว่าจะต้องรับเราเข้าทำงานอย่างนั้น อย่างนี้

ปัญหานี้ บมจ itv ต้องแก้ปัญหา ให้พนักงาน ไม่ใช่ ให้รัฐมาแก้ปัญหาให้พนักงาน นึกภาพออกกันไหมครับ พนักงานบริษัท ก็ต้องเรียกร้องจากเจ้าของบริษัท ไม่ใช่ไปเรียกร้องกับเจ้าของคลื่นซึ่งเป็นภาครัฐ แบบที่ พนักงาน itv ทำกันอยู่นี้

พอมีการเปลี่ยนชื่อสถานีเป็น TiTV ก็ยังมีปัญหาตามออกมาเรื่อยๆ ด้วยระบบราชการ ระบบการว่าจ้างพนักงาน จริงๆแล้วก็ควรจะรับพนักงานกันใหม่หมด โดยถือว่า พนักงาน บมจ itv ก็ยังเป็นพนักงานของ บมจ itv อยู่ แต่ บมจ itv ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาทำรายการ หรือทำงานในสถานี TiTV แล้ว เพราะขณะนี้ เป็นสถานี TiTV แล้วนั่นเอง หากพนักงานของ บมจ iTV ยังอยากทำงานอยู่ ก็ควรจะยื่นใบลาออกจาก บมจ iTV แล้วมาสมัครงานเข้ามายังหน่วยงานที่เป็นเจ้าของคลื่นซึ่งเป็นภาครัฐ แล้วมีการคัดเลือกคนตามระบบงาน ไม่ใช่ให้พนักงาน บมจ iTV มาเรียกร้องให้รัฐ มาอุ้มให้รับเข้าทำงาน อย่างที่พวกเราได้เห็นกันอยู่

[sunny]

เข้าใจว่า ภาครัฐเอง ก็อาจจะทนกระแสสังคมกันไม่ไหว ก็เลยบ้าจี้ จำเป็นจะต้องรับพนักงานทั้งหมดเข้ามา ทำงานในสถานี TiTV

ก็ จะให้ทนไหวได้อย่างไร ยังจำกันได้ไหมว่า วันที่จะเปลี่ยนจาก ITV มาเป็น TiTV มีการทำสปอตสร้างภาพพจน์ สปอตทวงบุญคุณ ฯลฯ มีการสัมภาษณ์ตาสีตาสา และให้ข่าวที่บิดเบือนว่า สถานี iTV จะถูกปิด จนทำให้หลายคนเข้าใจว่า ถูกภาครัฐกลั่นแกล้ง ประชาชนหลายคนเดินทางมาให้กำลังใจกันที่หน้าตึกทำการ เต็มไปหมด ถ่ายทอดสดกันตลอดเวลาด้วยนั่น พิธีกรบางคนถึงขั้นพูดจาว่าร้ายรัฐ สบถ สารพัด วันนั้น ก็นั่งดูทีวีอยู่ด้วยความ มึน งง ว่า เอ๊ะนี่ทำเพื่อประชาชน หรือ ทำเพื่อพวกคุณ เพื่อไม่ให้ตกงานกันแน่ ณ วันนั้นเอง สถานี iTV ไม่ได้นำเสนอข่าวในมุมของการแก้ไขสัญญาสัมปทาน แก้ไขผังรายการโดยที่ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากภาครัฐ จึงเป็นเหตุให้ บมจ iTV ต้องถูกบอกเลิกสัญญา และถูกภาครัฐเจ้าของคลื่นฟ้องร้อง เสนออยู่มุมเดียวก็คือ iTV จะถูกปิด จอจะมืดหรือไม่มืด iTV ถูกภาครัฐกลั่นแกล้ง ภาครัฐไม่เป็นธรรม ถ่ายทอดสดกันทั้งวัน เหมือนกับว่าเกิดการชุมนุมประท้วงหรือเกิดเหตุก่อจลาจล


ณ วันนั้น ลืมไปหรือเปล่าครับว่า ยังมีสถานีอื่นที่มีรายการซึ่งให้การช่วยเหลือสังคม รายการที่ทำคุณประโยชน์เพื่อมวลชน เหมือนกับที่ iTV ที่ทำอยู่เหมือนกัน

แต่ สิ่งหนึ่งที่สังเกตุเห็นก็คือ พนักงานของ iTV บางส่วนที่ประกาศตัวที่จะไม่ยอมให้ iTV จอมืด เป็นองครักษ์พิทักษ์ทีวีเสรี แต่กลายเป็นว่า พวกเค้า ไปโผล่หน้าโผล่ตาในสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ !! อย่างนี้ หมายความว่าอย่างไรหรือ

มีกระแสข่าวภายในเกิดขึ้นมาหลายระลอก ตามที่เป็นข่าวมากมาย จนถึงวันนี้

[sunny]

ด้วย พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 125 ตอนที่ 8 ก วันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2551 และให้ใช้บังคับใช้ในวันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

"เพื่อให้การดำเนินการกิจขององค์การแพร่ภาพสาธารณะแห่ง ประเทศไทย เป็นไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงให้สถานีวิทยุโทรทัศน์ ระบบ ยู เอช เอฟ ทีไอทีวี ยุติการแพร่ภาพออกอากาศ ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 14 มกราคม 2551 เป็นต้นไป"

ก็จึงเป็นเหตุที่สมควร ที่จะต้องยุติการดำเนินงานของสถานี TiTV ลงชั่วคราว แต่จอไม่มืดนะ เพื่อรอจนกว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติคณะกรรมการควบคุมนโยบายทั้ง 5 คนซึ่งจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อไป



จากการที่ได้ติดตามข่าวสารมาเป็น ระยะน่ะ ถ้าใครที่ได้ทราบข่าวจริงๆ เนี่ย ก็คงจะรู้นะครับว่า ต้นเหตุของปัญหาที่คาราคาซังในครั้งนี้ เกิดขึ้นจาก การที่ บริษัทเอกชนกระทำผิดเงื่อนไขสัญญาสัมปทานเอง ในเมื่อกระทำผิด ก็ต้องมีการปรับ ปรับแล้วก็ยกเลิกสัญญา แต่ไอ่การยกเลิกสัญญาแล้วน่ะ จะทำอย่างไรกันต่อไป ก็ไม่เห็นยากเลยนี่ ก็นำคลื่นของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ กลับไปให้เจ้าของคลื่นซึ่งเป็นภาครัฐดำเนินการต่อไป จะด้วยรูปแบบใด ก็สุดแท้แต่เจ้าของคลื่นซึ่งเป็นภาครัฐจะดำเนินการ

เหตุการณ์แบบ นี้น่ะ ไม่ได้แตกต่างจากบรรดาสถานีวิทยุหรอกครับ หากว่าบริษัท A ซึ่งได้สิทธิ์สัมปทานสถานีวิทยุของรัฐมาเพื่อผลิตรายการข่าวในสัดส่วน 80% บันเทิง 20 % แต่วันนึงสมองกลับ ลุกขึ้นมาปรับผังรายการวิทยุของตัวเองให้กลายเป็น รายการข่าว 20% บันเทิง 80% หน่วยงานรัฐที่เป็นผู้อนุญาตให้สัมปทานคลื่นวิทยุนั้น ก็คงต้องลุกขึ้นมาฟ้องร้องกันบ้างว่า บริษัท A ทำผิดสัญญา ถ้าคุณไม่แก้ไขภายในกี่วัน เรายกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายเป็นค่าปรับกี่บาทก็ว่าไป หากบริษัท A ยังไม่ยอมแก้ไขสัดส่วนรายการ สถานีวิทยุของรัฐแห่งนี้ก็สามารถบอกยกเลิกสัญญาได้ และก็สามารถนำคลื่นนี้ ไปดำเนินรายการเองได้ทันที โดยที่พนักงานที่เกี่ยวข้องกับการออกอากาศและเป็นพนักงานของบริษัท A ก็จะต้องไปเรียกร้อง เงินค่าชดเชยจากการตกงาน หรือ เรียกร้องให้บริษัท A หางานตำแหน่งใหม่ให้ทำ หากบริษัท ไม่สามารถดำเนินการได้ต่อไป (เหมือนบริษัทถูกปิดกิจการ)ก็ต้องจ่ายเงินชดเชยให้พนักงาน และหากพนักงานของบริษัท A ยังคงอยากทำงานที่สถานีวิทยุแห่งนี้ ก็สามารถเข้ามาสมัครงานกับสถานีวิทยุ A ได้โดยตรงเช่นกัน